จากเหตุการณ์ Ever Given เรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่
มีความยาวประมาณ 400 เมตร และระวางขับน้ำระดับ 200,000
ตัน ประสบเหตุแล่นเกยตื้นขวางคลองสุเอซ ทำให้เรือที่ต้องผ่านคลองนี้ต้องหยุดชะงักชะลอการขนส่งนานเกือบสัปดาห์
ซึ่งเส้นทางขนส่งผ่านคลองนี้มีสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสิบของสินค้าทั้งหมดที่ส่งไปทั่วโลก
โดยมีการขนส่งสินค้ามากกว่า 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวันเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์นี้ลูกค้าของ
Fesco
Transport Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ
(Intermodal shipping operator) รายใหญ่ของรัสเซีย ได้มีการเรียกร้องหาทางเลือกอื่นสำหรับการขนส่งระหว่างเอเชีย-ยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกค้าจะเลือกส่งสินค้าทางเรือผ่านคลองสุเอซเท่านั้น
แต่ตอนนี้กำลังมองหาทางเลือกอื่นสำหรับการขนส่งสินค้าจากเอเชียผ่านรัสเซีย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Fesco มีบริการการขนส่งหลากหลายสำหรับการขนส่งสินค้าจากเอเชียไปยังยุโรป
ด้วยบริการ “Fesco Baltic Shuttle” ให้คำมั่นว่าจะจัดส่งสินค้าจากวลาดิวอสต็อกไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กหรือกรุงมอสโกได้ภายใน
11 วัน สำหรับจุดหมายปลายทางที่เกินกว่านั้นไป ทางตะวันตกก็สามารถใช้บริการ
“Trans-Siberian Landbridge” ของบริษัทที่สัญญาว่าจะส่งมอบสินค้าจากจีน
ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ไปยังสถานีปลายทางในสหภาพยุโรปได้ภายใน 19 วัน
สำหรับการเปรียบเทียบการขนส่งคอนเทนเนอร์ทางเรือใช้เวลาประมาณ
30-33 วัน
ในการเดินทางจากเมืองท่าในเอเชียไปยังจุดหมายปลายทางทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งมีข้อได้เปรียบคือสามารถขนส่งได้ในปริมาณมากและมีราคาถูกกว่าการขนส่งทางบกมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำเป็นต้องมีการถ่ายโอนสินค้าหลายรูปแบบ
ด้วยเหตุนี้จีนจึงได้เปิดตัวโครงการเพื่อลดต้นทุนการขนส่งทางบก
ซึ่งก็คือการริเริ่มเส้นทางสายไหม รวมถึงเส้นทางรถไฟทางตอนเหนือผ่านรัสเซีย และทางใต้ผ่านเอเชียกลางและตุรกีก่อนไปสู่จุดหมายปลายทางในยุโรป
นอกเหนือจากการขนส่งทางบกแล้ว
รัสเซียได้ทุ่มเททรัพยากรที่สำคัญเพื่อสร้างเส้นทางขนส่งทางทะเล ทิศเหนือ (Northern Sea Route) ผ่านมหาสมุทรอาร์กติก ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งทางทะเลในอนาคตสำหรับการ
ขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างยุโรปและเอเชีย ที่ทดสอบแล้วใช้เวลาเพียง 19 วันเท่านั้น
การให้บริการขนส่งสินค้าทางบกจากเอเชียไปยังยุโรป
มีเป็นปกติอยู่แล้วทั้งเส้นทางตอนบนผ่านรัสเซียและเส้นทางตอนล่างผ่านเอเชียกลาง ที่จีนได้ลงทุนและให้ความช่วยเหลือการก่อสร้าง
แม้ว่าจะสามารถใช้เวลาการขนส่งน้อยกว่า
แต่ก็มีต้นทุนค่าขนส่งที่แพงกว่าทางเรือมากและรองรับได้ในปริมาณที่จำกัด
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
รัสเซียหวังจะเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในอนาคต โดยได้กำหนดนโยบายสำคัญในการลงทุนปรับปรุงและพัฒนาการขนส่งทางราง
จากฝั่งตะวันออกไกลไปยังยุโรปให้มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกันก็ลงทุนพัฒนาการขนส่งทางเรือผ่านมหาสมุทรอาร์กติก ด้วยการเร่งสร้างเรือตัดน้ำแข็งขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์
เพื่อใช้นำร่องเรือพาณิชย์ให้มีจำนวนมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันสินค้าไทยบางส่วนที่ส่งไปยังรัสเซียก็ใช้การขนส่งหลายรูปแบบอยู่แล้ว
โดยเริ่มจากทางเรือไปยังท่าเรือวลาดิวอสต็อกก่อนกระจายไปยังเมืองต่างๆ ผ่านทางรถไฟตามเส้นทางสาย
Trans-Siberia ซึ่งในกรณีที่เส้นทางเดินเรือผ่านคลองสุเอซเกิดประสบเหตุไม่สามารถสัญจรได้อีกครั้ง
ก็สามารถใช้บริการขนส่งสินค้าทางรางต่อไปยังเป้าหมายในยุโรปได้
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย