ด้วยความที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดด ทำให้เทรนด์ซื้อของออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นจากอดีตเป็นอย่างมาก ดังนั้นธุรกิจ e-Commerce จึงต้องสร้างความแตกต่างให้กลายเป็นจุดเด่น ด้วยการเพิ่ม ‘ประสบการณ์แปลกใหม่’ เพิ่มลูกเล่นสนุกๆ เพื่อสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ดึงดูดนักช้อปให้รู้สึกอยากซื้ออยากลองสินค้าบริการมากขึ้น ซึ่งในอีก 4 ปีข้างหน้า อนาคตการช้อปปิ้งออนไลน์จะเปลี่ยนไปเช่นไรตามไปดูกัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ขณะเม้าท์กับเพื่อน อาจมีสินค้าเต็มตะกร้าให้กดซื้อ
แพลตฟอร์ม e-Commerce อนาคต จะเริ่มมีฟังก์ชัน Voice Commerce กันมากขึ้น โดยเอา voice AI จับคลื่นเสียงที่เราพูดออกมา
เอาไปประมวลผล แล้วช่วยเลือกลิสต์สินค้าที่ตรงใจขึ้นมาให้เองเลย
2.
ชำระเงินปลอดภัย ด้วยการใช้ร่างกายแทน OTP
ไม่มีอีกแล้วตัดเงินสั่งของทั้งที ส่งรหัส OTP มาให้ยืนยันแล้วยืนยันอีก เพราะเทคโนโลยี Biometric Authentication อย่างการสแกนม่านตาหรืออ่านคลื่นเสียง
จะถูกประยุกต์เข้าไปใช้เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อ คล้ายเวลาเราปลดล็อกสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนใบหน้า
3. ลองเสื้อผ้าทิพย์
แค่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่อง
ไม่ต้องเสียเวลาไปถึงหน้าร้าน ก็สามารถลองสินค้าก่อนสั่งซื้อได้
ด้วยเทคโนโลยี AR/VR แค่เปิดกล้องสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องตัวเรา ก็มีเสื้อผ้าลอยมาอยู่ตรงหน้า
เหมือนได้ลองสวมใส่จริง
4. หมดยุคของหาย!
พัสดุตกหล่นที่ไหนรู้ได้หมด
สั่งมาตั้งนาน สินค้าหายไปอยู่ไหน อยากใช้แล้ว!
อนาคตการติดตามพัสดุจะยิ่งละเอียดขึ้น ด้วย IoT Sensor ที่จะถูกติดไปกับกล่องพัสดุ
แทนการใช้แค่ Tracking Number ซึ่งสามารถระบุพิกัดโลเคชันกล่องสินค้านั้นได้แบบแม่นยำ
ตรวจสอบได้เรียลไทม์
5. เดลิเวอรีแห่งอนาคต รอรับสินค้าจากท้องฟ้า
ของที่สั่งไปอาจมาถึงได้ไวกว่าเดิม
เพราะในอนาคตจะได้เห็นการจัดส่งด้วย Automated
Shipping เช่น โดรนส่งของหรือรถยนต์ไร้คนขับ ทำงานได้ 24 ชั่วโมงทดแทนการใช้พนักงานเหมือนอย่างเคย
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคตลอดเวลา
นั่นคือเหตุผลที่ธุรกิจ e-Commerce ต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กับเทรนด์ล่าสุดอยู่เสมอ
หากพวกเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จและทำให้ลูกค้าพึงพอใจ
แหล่งอ้างอิง :
สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ