ข้อมูลจากรายงานประจำปีเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กของ Kaspersky Lab ซึ่งเป็นข้อมูลทางสถิติที่รวบรวมจากฟังก์ชั่นการควบคุมของผู้ปกครอง ที่เปิดเผยว่าเด็กในปัจจุบันหันมาเป็นผู้บริโภคในการการซื้อของออนไลน์มากขึ้น พวกเขาสนใจในการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 3 เท่า นั่นคือ จาก 2% เพิ่มเป็น 9%
จากรายงานแสดงให้เห็นว่า เด็ก ๆ ก็เหมือนผู้ใหญ่ที่ชอบและสนุกกับการค้นหาของที่อยากได้หรือหรือของผ่านทางออนไลน์ ซึ่งต่อไปอาจจะกลายเป็นทางเดียวที่ใช้ในการซื้อของในอนาคต ดังนั้นผู้ปกครองจำเป็นต้องแนะนำและสนับสนุนเด็ก ๆ ให้ได้ใช้การช้อปปิ้งออนไลน์อย่างถูกวิธีและเป็นประโยชน์ โดยปราศจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการชำระเงินให้กับพวกหลอกลวงออนไลน์ หรือเข้าไปในกับดักของพวกต้มตุ๋นหรือทำให้โดนหลอกเอาเงินไปอีกด้วย ซึ่งผู้ปกครองและผู้ใหญ่ทุกคนควรจะต้องคอยสอดส่องและติดตามอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีอะไรผิดปกติจากการใช้สื่อออนไลน์ของเด็ก ๆ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จากสถิติ
ความสนใจของเด็กและเยาวชนมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการเข้าเว็บไซต์การซื้อของออนไลน์ทั่วโลก
แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับที่ตั้งด้วย ที่น่าสนใจ คือในประเทศไทยเด็กและเยาวชนให้ความสนใจกับการซื้อของออนไลน์เติบโตขึ้น
5 เท่า จาก 1.02% เป็น 5.64% ซึ่งนับเป็นความสนใจอันดับที่ 4 รองมาจาก
การเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง และการเล่นเกมส์
โดยเว็บไซต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดทั่วโลก
ได้แก่ AliExpress ,Amazon ,Ebay ในส่วนของเว็บไซต์ในประเทศจีน
เด็ก ๆ จะให้ความสนใจมากขึ้นอย่ารวดเร็วต่อเนื่องทุกปี หากแบ่งตามประเภทสินค้า
ด้านสปอร์ตจะเป็น Nike กับ
Adidas อิเล็กทรอนิกส์จะเป็น Apple กับ Samsung และสินค้าแฟชั่นต่าง
ๆ จะเป็น Gucci Vans Supreme Zara และ
Bershka เหล่านี้เป็นเว็บไซต์ที่ผู้บริโภควัยเด็ก
ให้ความสนใจในการค้นหาและซื้อของออนไลน์มากที่สุด
อย่างไรก็ตามมีการตั้งขอสังเกตว่า
การค้นหาสินค้าออนไลน์หรือแม้แต่การเข้าไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ
ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องจบด้วยการซื้อของ พวกเด็ก ๆ
อาจเพียงแค่เข้าไปดูในรายการของที่อยากได้ และนำมาบอกเพื่อน ๆ และครอบครัวนั่นเอง
เพราะฉะนั้นการที่เด็ก ๆ
ให้ความสนใจในการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นก็ไม่ควรจะเป็นสิ่งต้องห้าม
แต่ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมและให้คำแนะนำกับเด็ก ๆ ในความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและสิ่งที่ควรระวังพื้นฐานทั่วไป
ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือได้ว่าประชากรมีส่วนร่วมในการใช้งานออนไลน์มากที่สุด โดยตลาดอีคอมเมิร์ซตั้งเป้าการซื้อของออนไลน์ในส่วนของค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2566 ซึ่งเด็กในปัจจุบันจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนหรือหยุดชะงักได้ เพราะพวกเขาเริ่มการซื้อของออนไลน์ด้วยตัวเองเร็วเกินไป ดังนั้นควรจะต้องให้คำแนะนำและใช้เครื่องมือที่จะช่วยปกป้องการเงินออนไลน์ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ และต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ
สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำคือ
-เตือนพวกเขาว่า
หากมีการใช้งานไวไฟสาธารณะและทำการชำระเงินออนไลน์
จะทำให้ถูกการขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย ดังนั้นไม่ควรใช้ไวไฟสาธารณะในการซื้อของออนไลน์
-ควรตกลงกับเด็ก ๆ
ว่าก่อนที่จะทำการซื้อของออนไลน์จะต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ
หรือผู้ปกครองช่วยเด็กในการทำการชำระเงิน
จนกว่ามั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถทำการชำระเงินได้ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย
ไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิตกับเว็บไซต์ที่น่าสงสัยหรือไม่คุ้นเคย
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากอาชญากรทางไซเบอร์
-ให้คำแนะนำพวกเขาให้หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลใด
ๆ จากร้านค้าไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือผ่านทางออนไลน์
และต้องให้เด็กกล้าที่จะถามเมื่อเกิดปัญหาหรือมีข้อสงสัย
-ไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิต
กับบุคคลอื่นนอกจากคนในครอบครัวอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งเพื่อนหรือผู้ปกครองคนอื่น
ๆ ต้องให้เด็กจำไว้ว่าไม่มีใครมีสิทธิมาขอข้อมูลเหล่านี้เด็ดขาด
-ต้องจำไว้เสมอว่าหากมีการบันทึกข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิตไว้ในมือถือ
หากมีการสูญหายหรือโดนขโมยอาจตกไปอยู่มือคนไม่หวังดีได้
หมายเหตุ : เด็กในการสำรวจคือเยาวชนที่อายุต่ำกว่า
15 ปี
อ้างอิง : Kaspersky Lab