จีพี โมบิลิตี้” จากผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ สู่ผู้จัดหาโซลูชันครบวงจร เติบโตเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในปัจจุบัน

SME in Focus
15/08/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 3 คน
จีพี โมบิลิตี้” จากผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ สู่ผู้จัดหาโซลูชันครบวงจร  เติบโตเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในปัจจุบัน
banner

ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 10 ของโลก จนได้รับฉายาว่า “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” ซึ่งรถยนต์ที่ใช้งานในประเทศ ณ ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 20 ล้านคัน และในแต่ละปีรถยนต์เหล่านี้ต้องได้รับการซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดอะไหล่รถยนต์เพื่อการซ่อมบำรุงสูงกว่า 120,000 ล้านบาทต่อปี (เฉลี่ยประมาณ 6,400 บาทต่อคันต่อปี) ทำให้ตลาดการซ่อมบำรุงรถยนต์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมของไทยที่น่าจับตามอง


และด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นของ “คุณกวีศิลป์ ศิริมณีธรรม” จึงสามารถพา “บริษัท จีพี โมบิลิตี้ จำกัด (มหาชน)” ก้าวข้ามขีดจำกัดจากการเป็นเพียงผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ สู่การเป็นผู้จัดหาโซลูชันด้านอะไหล่รถยนต์ที่ครอบคลุมและทันสมัย จนกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ จากการต่อยอดปัญหาที่พบเจอให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ และออกแบบกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงการเตรียมพร้อมต่อความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต




ชวนเข้าใจตลาดซ่อมบำรุงรถยนต์และพฤติกรรมของผู้บริโภคไทย


ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของ จีพี โมบิลิตี้ คุณกวีศิลป์ได้อธิบายถึงพฤติกรรมการซ่อมบำรุงของผู้บริโภคไทยว่า ส่วนใหญ่เมื่อคนซื้อรถยนต์ใหม่จะเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์บริการมาตรฐานของค่ายรถยนต์ในช่วงระยะประกัน เช่น 3 ปีแรก หรือระยะ 100,000 กิโลเมตร และหลังจากหมดระยะประกัน ผู้บริโภคกว่า 70% มักเปลี่ยนไปใช้ศูนย์บริการรถทั่วไป เพราะค่าใช้จ่ายถูกและเข้าถึงง่ายกว่า 


ศูนย์บริการรถทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ “ศูนย์บริการเร่งด่วน (Fast Fit)” และ “อู่ซ่อมรถอิสระ”  โดย “ศูนย์บริการเร่งด่วน (Fast Fit)” อาทิ B-Quik, Cockpit เป็นศูนย์บริการที่มีความน่าเชื่อถือในการเลือกใช้อะไหล่และบริการที่ได้มาตรฐาน แต่ตามมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง และจำนวนศูนย์บริการที่มีจำกัด ทำให้ “อู่ซ่อมรถอิสระ” เข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดซ่อมบำรุงรถยนต์ เนื่องจากราคาที่ย่อมเยาและจำนวนที่มากกว่า 20,000 แห่ง กระจายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และมีร้านค้าปลีกอะไหล่ที่เป็นซัพพลายเออร์ให้อู่เหล่านี้กว่า 4,000 แห่งเลยทีเดียว


โดย จีพี โมบิลิตี้ เป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ทั้งอะไหล่แท้และอะไหล่ทดแทน ให้กับร้านค้าปลีกอะไหล่และอู่ซ่อมรถอิสระเป็นหลัก มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือรถยนต์ที่หมดระยะรับประกัน (Warranty) ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีความต้องการต่อเนื่อง ตัวเลขภาพรวมของธุรกิจนี้สะท้อนถึงศักยภาพที่ยังเติบโตได้อีกมากในตลาดการซ่อมบำรุงรถยนต์ในประเทศไทย 



จุดเริ่มต้นของ จีพี โมบิลิตี้ ก่อนจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์


จีพี โมบิลิตี้ ก่อตั้งเมื่อปี 2524 (ในนาม หจก. จี.พี.อะไหล่) คุณกวีศิลป์เผยว่า ช่วงที่ก่อตั้งใหม่ ๆ บริษัทจัดจำหน่ายอะไหล่แท้ของอีซูซุ เพียงแบรนด์เดียวเท่านั้น ต่อมาในปี 2529 อีซูซุได้แต่งตั้งให้บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่อย่างเป็นทางการ เป็นรายที่ 6 ในประเทศไทย และปี 2546 บริษัทสามารถทำรายได้พุ่งทะยานสู่ 97 ล้านบาท ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก 


ต่อมาเมื่อคุณกวีศิลป์เรียนจบปริญญาตรี ได้เปลี่ยนแผนการเรียนต่อปริญญาโทจากด้านสถาปัตยกรรม หันมาศึกษาด้านบริหารธุรกิจ (MBA) เพื่อสานต่อธุรกิจของคุณพ่อ ในฐานะลูกชายคนโตของบ้าน โดยเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัท เมื่อปี 2547 ด้วยความไฟแรงคุณกวีศิลป์จึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาบริษัทหลายอย่าง เลยคิดว่าต้องทำงานหนักและสั่งสมประสบการณ์ก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และให้เกียรติคุณพ่อที่เป็นผู้ก่อตั้ง 


จนกระทั่งปี 2554 คุณกวีศิลป์ได้เข้ามาบริหาร จีพี โมบิลิตี้ อย่างเต็มตัว มีการพัฒนาระบบการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพ ขยายไลน์สินค้าจำหน่ายอะไหล่ของหลายแบรนด์รถยนต์ ทำให้ฐานลูกค้าเยอะขึ้น ทำยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนต้องขยายคลังสินค้าทุก ๆ 3 ปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางการเติบโตของบริษัท ที่ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในปัจจุบัน



ปรับเปลี่ยนระบบภายใน เพื่อเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม

“สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการทำงานร่วมกับคุณพ่อคือ คุณพ่อเป็นคนมีความสามารถ ผมยอมรับว่าหลายเรื่องท่านเก่งกว่าผมเยอะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้คือการเติมเต็มในสิ่งที่คุณพ่อไม่ถนัด โดยเฉพาะในด้านไอที” ซึ่งตอนนั้นระบบการทำงานของ จีพี โมบิลิตี้ ยังเป็นแบบ Manual พนักงานจะต้องจำและจดชื่อรหัสอะไหล่หลายพันชนิด คุณกวีศิลป์จึงหันมาใช้ระบบ ERP เมื่อปี 2550 เพื่อให้การจัดการสินค้าและข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 


หลังจากที่ติดตั้งระบบ ERP ก็ค้นพบว่าบริษัทควรมีทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นของตัวเอง เพื่อให้สามารถดึงข้อมูลและรายงานได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับระบบคุณภาพ (Quality System) มากขึ้น สืบเนื่องจากมีพนักงานใหม่จำนวนมาก บวกกับปริมาณคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จึงตัดสินใจเข้าร่วมอบรมด้านลีนซัพพลายเชน และทำโปรเจกต์ลีนซิกซิกมา (Lean Six Sigma) เพื่อพัฒนากระบวนการและควบคุมคุณภาพให้เทียบเท่าบริษัทใหญ่ของประเทศ 

 

บริษัทตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงให้เป็นองค์กรนวัตกรรมมากขึ้น มุ่งเน้นการพัฒนา AI และ Digital Transformation อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา มีการปรับเปลี่ยนระบบ ERP เดิมที่ใช้มากว่า 10 ปี เป็น SAP และได้พัฒนาระบบ Customer Portal “GO Plus” รวมถึง Chatbot สำหรับลูกค้า B2B โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีแพลนที่จะขยายฟีเจอร์ไปยังการพัฒนาโปรแกรม POS (Point of Sale) หรือ Mini ERP ในอนาคตอีกด้วย


นอกจากนี้ จีพี โมบิลิตี้ ได้นำ AI มาใช้กับบริษัทในสองส่วนหลัก ๆ คือ ระบบหลังบ้านที่ช่วยในการจัดการ Workflow ภายในองค์กร และระบบหน้าบ้านที่ใช้ AI Chatbot ที่สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อัตโนมัติ และเป็นธรรมชาติ ช่วยลดภาระงานและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ ซึ่งการนำ AI มาใช้นี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าอีกด้วย




สนใจและพัฒนาเฉพาะสิ่งที่เราถนัด คือกลยุทธ์ในการเป็นที่หนึ่งในตลาด


คุณกวีศิลป์กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้ จีพี โมบิลิตี้ ยืนหยัดในตลาดนี้ได้คือ การโฟกัสในสิ่งที่คุณพ่อชำนาญ การขายเฉพาะอะไหล่แท้ของอีซูซุ ควบคู่ไปกับการสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าและให้ส่วนลดอิงตามราคาห้าง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในยุคกว่า 40 ปีที่แล้ว ด้วยสูตรสำเร็จนี้เอง จีพี โมบิลิตี้ สามารถฝ่าฟันทุกอุปสรรคมาได้ด้วยความชำนาญของคุณพ่อ และความมุ่งมั่นที่จะสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดนี้ 


อีกจุดเปลี่ยนสำคัญของ จีพี โมบิลิตี้ คือ การขยายแบรนด์ให้เป็นศูนย์รวมสินค้าครบวงจร (One-Stop Service) เน้นไปที่ความหลากหลายของสินค้า และการพัฒนาระบบค้นหาสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงความรวดเร็วในการให้บริการ โดยสร้างกลุ่ม LINE ให้กับลูกค้าแต่ละราย ที่มีทั้งตัวแทนจากฝั่งลูกค้า และตัวแทนจากแต่ละแบรนด์อะไหล่รถยนต์ ปัจจุบันมีกลุ่มไลน์กับลูกค้ามากถึง 1,200 กลุ่ม นับเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ริเริ่มวิธีการนี้ จนมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์


ปัจจุบัน จีพี โมบิลิตี้ มีสินค้าเพื่อจำหน่ายมากกว่า 100,000 รายการ ครอบคลุมทั้งอะไหล่แท้และอะไหล่ทดแทนที่รองรับความต้องการของลูกค้าทุกประเภท โดยเรียกหมวดสินค้าว่า “Bumper to Bumper” ที่ครอบคลุมตั้งแต่กันชนหน้าไปจนถึงกันชนหลัง รวมถึงอะไหล่เครื่องยนต์, เกียร์, ระบบช่วงล่าง, เบรก, อะไหล่ตัวถังสำหรับการซ่อมแซมจากอุบัติเหตุ, อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, ระบบปรับอากาศ น้ำมันเครื่อง และเคมีภัณฑ์ และทุกระบบการจัดการของบริษัทผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 อีกด้วย



แม้ว่าเทรนด์รถ EV จะเข้ามา แต่ถ้าปรับตัวทันก็ยืนหยัดในตลาดได้ 


“เทรนด์รถ EV อาจจะส่งผลกระทบบ้าง แต่สำหรับผมกลับมองว่าอาจจะเป็นโอกาสที่ดี เพราะมันสอดคล้องกับแนวโน้มการลดปริมาณตัวกลางในซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน” คุณกวีศิลป์อธิบายเพิ่มเติมว่า แม้ตลาดอาจหดตัวลงประมาณ 30% จากการหายไปของชิ้นส่วนบางประเภท แต่ก็ยังสามารถเป็นผู้เล่นหลักในตลาดนี้ได้โดยอาศัยความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลง


ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เผยถึงยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 894 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 เนื่องจากความต้องการซื้อของประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยข้อมูลเดือนเมษายน 2567 พบว่าประเทศไทยมียานยนต์ไฟฟ้า (BEV) สะสมรวมทั้งสิ้น 167,344 คันด้วยกัน (อ้างอิง: สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, หัวข้อย่อย 2.3 แนวโน้มความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และ หัวข้อย่อย 2.4 จำนวนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย)


“เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมสังเกตเห็นว่ามีร้านอะไหล่เพียงไม่กี่ราย ที่ทำยอดขายเกิน 500 ล้านบาทได้ นั่นทำให้เราเข้าใจว่า บริษัทขนาดใหญ่ไม่สามารถบริหารจัดการแบบธุรกิจขนาดเล็กได้ จำเป็นต้องนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้เพื่อรองรับการเติบโต”


ตลอดระยะเวลา 44 ปี จีพี โมบิลิตี้ ภายใต้การบริหารของคุณพ่อ คุณแม่ และรับช่วงต่อกิจการโดยคุณกวีศิลป์ ได้เข้าใจถึงจุดแข็งของตัวเองเป็นอย่างดี พวกเขาได้ยกระดับองค์กรด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาและปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งในด้านคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความเชื่อมั่นในการใช้บริการอย่างยั่งยืน



Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

จีพี โมบิลิตี้” จากผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ สู่ผู้จัดหาโซลูชันครบวงจร  เติบโตเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในปัจจุบัน

จีพี โมบิลิตี้” จากผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ สู่ผู้จัดหาโซลูชันครบวงจร เติบโตเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในปัจจุบัน

ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 10 ของโลก จนได้รับฉายาว่า “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” ซึ่งรถยนต์ที่ใช้งานในประเทศ…
pin
3 | 15/08/2025
“Laveena” มุ่งสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อภารกิจยกระดับ “ใบเตยไทย”  สู่การเป็น Functional Ingredient ระดับโลก

“Laveena” มุ่งสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อภารกิจยกระดับ “ใบเตยไทย” สู่การเป็น Functional Ingredient ระดับโลก

แม้ปัจจุบัน เบเกอรี่จะเป็นสินค้า Mass ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่ชื่อของ “Laveena” เบเกอรี่ท้องถิ่นจากจังหวัดพิจิตร กลับกลายเป็นกรณีที่น่าสนใจของ…
pin
2 | 08/08/2025
"แนวคิดดี ทำเลเด่น" สูตรสำเร็จการบริหาร "มูส โฮเทล"

"แนวคิดดี ทำเลเด่น" สูตรสำเร็จการบริหาร "มูส โฮเทล"

การทำธุรกิจไม่เคยมีสูตรตายตัว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนเร็วและแข่งขันสูงอย่างธุรกิจบริการ ความคาดหวังของลูกค้ากลายเป็นมาตรวัดหลักของความอยู่รอด…
pin
8 | 25/07/2025
จีพี โมบิลิตี้” จากผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ สู่ผู้จัดหาโซลูชันครบวงจร  เติบโตเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ในปัจจุบัน