จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ที่ทั่วโลกต้องเผชิญ ทำให้มีการล็อกดาวน์การเดินทางทั้งในประเทศและข้ามประเทศ
ตลอดจนมีการคุมเข้มการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านพรมแดนที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย
ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพื่อทำพิธีการผ่านแดนถ่ายลำ
(Transit /Transshipment ) ส่งต่อไปยังประเทศที่สามอาจล่าช้า
ไม่สามารถนำออกไปจากราชอาณาจักรไทยหรือชายแดนจุดเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศที่สามได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามแผนการดำเนินการตามปกติ
เนื่องจากมาตรการของหลายๆ ประเทศที่มีการตรวจสอบ คัดกรองและป้องกันโรคโควิด-19
เรื่องดังกล่าวส่งผลเสียต่อสินค้า
เช่น สินค้าทางการเกษตร โดยการกำหนดมาตรการป้องกันในส่วนของการเดินทางเข้า-ออกประเทศ
ที่มาพร้อมกับสินค้าหรือผู้คนจึงเป็นนโยบายที่รัฐบาลในแต่ละประเทศเข้มงวดกวดขัน
เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบบข้ามแดน
ทำให้การขนส่งสินค้าทั้งในฝั่งขาเข้า-ขาออกไทยเป็นไปอย่างล่าช้าและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
จากมาตรการคุมเข้มของแต่ละประเทศ
โดยเฉพาะประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทยอย่างประเทศจีน
ที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าการขนส่งสินค้าทั้งนำเข้า-ส่งออกของไทยยังเปิดให้ดำเนินการได้ตามปกติก็ตาม
ซึ่งต่อไปนี้คือข้อแนะนำที่ผู้ประกอบการด้านการนำเข้า-ส่งออกต้องตระหนักและเตรียมพร้อมไว้ในช่วงล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. หากต้องเดินทางขนส่งสินค้าทั้งในส่วนของการนำเข้า-ส่งออกในช่วงเวลาเคอร์ฟิว ต้องเตรียมเอกสารประจำตัวที่สำคัญเพื่อใช้ประกอบการเดินทางขนส่งสินค้าดังนี้
- ใบอนุญาตขับรถ
- บัตรประจำตัวประชาชน (ทั้งพนักงานขับรถและผู้ติดตามประจำรถ)
- บัตรพนักงานหรือหนังสือรับรองการทำงาน
- เอกสารเกี่ยวกับสินค้า แบบฟอร์มตามที่แนบคำสั่งฉบับดังกล่าว ดาวน์โหลดที่ใส่ลิ้งก์ http://www.thaitruckcenter.com/tdsc/ViewFile?fpath=FileNews&sname=1644295174.pdf&fname=1644295174.pdf
- สมุดประจำรถที่กรอกรายละเอียดครบถ้วน (สำหรับผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการอยู่แล้ว)
- แบบ ต.8 คค
ใส่ลิ้งก์ https://www.thaitruckcenter.com/tdsc/ViewFile?fpath=FileNews&sname=-571551607.pdf&fname=-571551607.pdf เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทั้งต่อผู้ทำการขนส่งและเจ้าหน้าที่ที่ตรวจควบคุมโรค
2. พนักงานขับรถและผู้ติดตามประจำรถทุกคนควรสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
พกเจลล้างมือ ถุงมือ ไปจนถึงแอลกอฮอล์ ติดตัวไปตลอดการเดินทาง โดยต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการกรอกประวัติหรือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย
3. เผื่อระยะเวลาที่จะใช้ในการขนส่งเพิ่มจากเดิมไปอีก
ด้วยด่านชายแดนที่ยังเปิดปกติจะมีมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด
ส่งผลให้ต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้าเพิ่มจากเวลาปกติ
4. ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการผ่านแดนถ่ายลำตามด่านต่างๆ
เพื่ออัพเดทการเปลี่ยนแปลงและวางแผนการทำงานรองรับได้สอดคล้องและทันท่วงที
5. หาโอกาสจากสินค้าที่ประเทศปลายทางยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้า
กับสินค้าที่ผลิตไม่เพียงพอในประเทศและจำเป็นต้องนำเข้าของแต่ละประเทศ
รวมถึงในประเทศไทยเองด้วย
6. เมื่อการส่งออกมีมาตรการป้องกันมากมายทำให้ติดขัดล่าช้า
เสียเวลา เสียค่าดำเนินการเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการควรมีการปรับเปลี่ยน Supply Chain ในรูปแบบดั้งเดิมไปสู่ การแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า
เช่น แทนการส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งไปต่างประเทศ
ก็ปรับมาเป็นเมนูอาหารจากไก่แช่แข็งส่งออกแทน แบบนี้เป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในช่องทางการลงทุนที่ดำเนินการ
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้คุ้มต้นทุนที่ต้องแบกรับ
7. ใช้ระยะเวลาในการเดินทางขนส่งในต่างประเทศแบบรัดกุม
ตามมาตรการของหลายๆ ประเทศที่เน้นให้ทำการขนส่งสินค้าเสร็จแล้วให้รบเดินทางกลับ
ทั้งนี้เพื่อเลี่ยงการแพร่บาดของโควิด-19
8. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด และมาตรการการขนส่งสินค้าข้ามแดนของแต่ละด่านอย่างเคร่งครัด
การขนส่งเคลื่อนย้ายสินค้าข้ามแดนในช่วงนี้อาจประสบปัญหาล่าช้าจากที่หลายด่านปิดตัวลง
และมีมาตรการการตรวจคัดกรองเชื้อโรครวมถึงข้อกำหนดต่างๆ ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้
หากแต่มีการเตรียมพร้อมรับมือและอัพเดทข้อมูลข่าวสารต่างๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ
ก็จะช่วยลดการสูญเสียทั้งทางด้านต้นทุนการดำเนินงาน เวลา
และการเสียหายของสินค้าไปได้ด้วย.
แหล่งอ้างอิง : https://www.dlt.go.th/th/public-news/view.php?_did=2627