Personalised Medicine หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล
เป็นการรักษาทางเลือกใหม่ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ
โดยการนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับพันธุกรรมมาประมวลผลร่วมกับข้อมูลแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย
เพื่อให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาให้สอดคล้องกับผู้ป่วยแต่ละคน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการรักษา
จากการจัดอันดับ Personalised Health Index ภายใต้โครงการ FutureProofing Healthcare Europe สเปนอยู่อันดับ 6 ประเทศในยุโรปที่มีความพร้อมในการส่งเสริมการแพทย์เฉพาะบุคคลและการนำระบบดังกล่าวไปปรับใช้ในระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยผลการศึกษาพบว่า สเปนมีจุดเด่นในด้านการวางแผนและการจัดการระบบสาธารณสุข คุณภาพของบุคลากรทางการแพทย์และโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข รวมทั้งการเข้าถึงการรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดแบบเซลล์บำบัด (CAR-T cell) ในผู้ป่วยมะเร็ง (ซึ่งสเปนครองอันดับ 1 ร่วมกับเยอรมนีและฝรั่งเศส)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจุบันรัฐบาลสเปนได้จัดทำยุทธศาสตร์การแพทย์เฉพาะบุคคล (Estrategia Española de Medicina Personalizada) สำหรับปี 2020-2021 ด้วยงบประมาณ 77.3
ล้านยูโร
เพื่อยกระดับความสามารถและศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของสเปน
โดยการใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมในสาขาดังกล่าวเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งนี้
แผนยุทธศาสตร์ฯ ได้กำหนดสาขาที่จะมุ่งผลักดันใน 6 ด้าน
ประกอบด้วย
1. Big Data ด้านสุขภาพ
2. การแพทย์จีโนมิกส์
3. การรักษาขั้นสูงและจำเพาะ
4. เวชศาสตร์ป้องกัน
(Predictive Medicine)
5. การแพทย์แม่นยำ
(Precision Medicine)
6. การตั้งเป้าหมายให้สเปนเป็นประเทศผู้นำด้านการแพทย์แม่นยำของยุโรป
ในทางปฏิบัติ แคว้นต่างๆ
ของสเปนได้มีการนำการแพทย์เฉพาะบุคคลมาดำเนินการระยะหนึ่งแล้ว เช่น
แคว้นอันดาลูเซีย มีการพัฒนาโครงการ Proyecto Genoma
Médico ซึ่งเป็นโครงการจีโนมระดับแคว้นโครงการแรกในสเปน เริ่มต้นเมื่อปี 2010 เน้นการศึกษาวิจัยโรคหายาก โดยการหาลำดับเอ็กโซมที่สมบูรณ์ (Whole exome sequencing) ของประชากรประมาณ 300 คน แคว้นเอกซ์เตรมาดูรา ดำเนินโครงการ Medea
ตั้งแต่ปี 2017 โดยการรวบรวมข้อมูลพันธุกรรมของผู้ป่วย ประวัติผู้ป่วยและครอบครัว
เงื่อนไขการตอบสนองต่อยา เพื่อประกอบการตัดสินใจจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย
หรือแคว้นคาตาโลเนีย ก็มีโครงการ MedPerCan โดยใช้เทคโนโลยี
Next-Generation Sequencing (NGS) เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีรักษาโรคมะเร็งให้แก่ผู้ป่วย
และโครงการ URDCat ซึ่งเป็นการพัฒนาการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ป่วยโรคหายากทางระบบประสาทที่วินิจฉัยไม่ได้
(Non-Diagnosed Neurological Rare Diseases) เป็นต้น
เช่นเดียวกับ แคว้นนาบาร์รา
ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นแคว้นผู้นำของสเปนในด้านการแพทย์เฉพาะบุคคลในอนาคตอันใกล้
โดยการใช้เทคโนโลยี/การแพทย์จีโนมิกส์เป็นตัวขับเคลื่อน ผ่านโครงการต่างๆ
ที่รัฐบาลแคว้นให้การสนับสนุน ได้แก่
- โครงการ NAGEN 1000
ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการนำเทคโนโลยีชั้นสูงด้านการแพทย์จีโนมิกส์ไปใช้ในการวิเคราะห์จีโนมของมนุษย์
โดยการถอดรหัสจีโนมของผู้ป่วย (และญาติ) ที่เป็นโรคหายากและโรคมะเร็งบางชนิด จำนวน
1,000 ราย (มากกว่า 200 ชนิด)
- โครงการ PharmaNAGEN เป็นการใช้ข้อมูลจีโนมิกส์สำหรับการเลือกวิธีการรักษาและจ่ายยา
- โครงการ NAGENpediatrics เป็นการศึกษาลำดับนิวคลีโอไทด์ที่สมบูรณ์
(Whole Genome Sequencing) ในเด็กที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคทางพันธุกรรมและมีอาการรุนแรง
เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการตรวจคัดกรองโรคพันธุกรรมของทารกแรกเกิดและในเด็กที่เป็นโรคมะเร็ง
โดยโครงการทั้งหมดจะมีหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั้งของภาครัฐและสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ
เช่น ศูนย์วิจัยชีวการแพทย์ Navarrabiomed โรงพยาบาลนาบาร์รา
โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยนาบาร์รา เป็นต้น
โดยที่ผ่านมา หน่วยงานของไทยได้ติดตามถึงความก้าวหน้าด้านการแพทย์เฉพาะบุคคลในสเปน
และอยู่ระหว่างประสานความร่วมมือด้านจีโนมิกส์กับฝ่ายสเปนตามนโยบาย Genomics Thailand เช่น เมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา
ศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS)
ของไทยร่วมกับ Centre for the
Development of Industrial Technology (CDTI) จากสเปน
เปิดรับข้อเสนอโครงการวิจัยร่วมด้านชีววิทยาศาสตร์
โดยมีการแพทย์เชิงฟื้นฟูและการแพทย์แม่นยำเป็นหนึ่งในสาขาที่จะให้ทุนวิจัยร่วมภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวด้วย
แหล่งอ้างอิง : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสเปน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด