กรมการจัดหางาน
เปิดเผยผลการขึ้นทะเบียนใช้สิทธิกรณีว่างงานออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://www.mol.go.th/ ของกระทรวงแรงงาน ในช่วงเดือน เม.ย. 2563 จำนวน
267,351คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.82 จากเดือนมีนาคมที่มีผู้มาขึ้นทะเบียนจำนวน
144,861 คน
โดยผู้ที่ถูกเลิกจ้างงานโดยมีสาเหตุมาจากนายจ้าง/สถานประกอบการต้องปิดกิจการ
เพราะผลกระทบจากการแพร่กระจายของโรค COVID-19
ซึ่งจะได้รับเงินชดเชยร้อยละ 70 ของค่าจ้างที่เคยได้รับ ระยะเวลาที่จ่ายจะไม่เกิน
200 วัน หากเป็นการว่างงานจากการลาออกเองจะได้รับเงินในอัตราร้อยละ 45
ของค่าจ้างที่เคยได้รับและระยะเวลาที่จ่ายจะไม่เกิน 90 วัน
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ที่เศรษฐกิจหยุดชะงักในช่วงโควิด-19
แพร่ระบาด จะส่งผลกระทบต่อแรงงานอาชีพอิสระ
แรงงานที่ทำงานกับสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม แรงงานภาคบริการ ร้านอาหาร
โรงแรม การบิน และการท่องเที่ยว 3-5 ล้านคน กลุ่มคนเหล่านี้มีสัดส่วนมากถึง 62%
ของกำลังแรงงานไทย และส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตรงกับกรมการจัดหางาน
ซึ่งตามปกติแล้วแรงงานจะกระจุกตัวอยู่ตามหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ
ที่มีปัจจัยค่าใช้จ่ายมากมายท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ถดถอย โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์ GDP ในปี
2563 ไว้ว่ามีโอกาสติดลบสูงถึง
5.3%และอาจย่ำแย่กว่าวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ในขณะที่ภาคการเกษตรไม่สามารถอุ้มรับแรงงานได้จากปัญหาด้านการตลาด
ราคาและภัยแล้ง แต่ปากท้องยังต้องเดินต่อไป เพื่อความอยู่รอด แล้วจะเริ่มต้นชีวิตอย่างไรท่ามกลางเศรษฐกิจติดลบและไม่ได้เตรียมตัวรับมือ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างไรในบ้านเกิด
ภาพแรงงานที่ไหลกลับสู่บ้านเกิดก่อนจะล็อคดาวน์กรุงเทพเมื่อช่วงเดือนมีนาคม
2563
ที่ผ่านมาช่วยตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่าแรงงานต่างจังหวัดมีการไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลใกล้เคียงเป็นจำนวนไม่น้อย
นั่นเป็นเพราะโอกาสในการมีงานทำที่ดีนั้นไปกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองหลวงของประเทศไทย
แรงงานทั้งที่จบใหม่หรือวัยทำงานจึงมีกรุงเทพฯ เป็นเป้าหมายสำคัญในการสร้างรายได้ สร้างฐานะ
ปูทางอนาคตให้แก่ลูกหลานและครอบครัว
ดังนั้นในวันที่เศรษฐกิจไทยช้ำมืดมัว
แรงงานจึงหลั่งไหลกลับไปปักหลักที่บ้านเกิดที่อาจไม่ใช่แหล่งของรายได้ที่ดี อาจเพราะมีสภาพพื้นที่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรมมากกว่าอุตสาหกรรมหรือการขายแรงงาน
และนั่งบริหารกิจการในห้องแอร์เย็นๆ ดังนั้นจึงมีคำถามว่าจะกลับไปเริ่มต้นชีวิตอย่างไรในบ้านเกิด
ที่ไม่ได้มีตำแหน่งงานในฝันรออยู่ เพราะใช้ชีวิตในเมืองใหญ่จนชิน ทุนก็ไม่มี ซึ่งนี่คือแนวทางแนะนำให้ไปลองปรับใช้เพื่อเปลี่ยนเส้นทางชีวิตตัวเองด้วยการเริ่มต้นสร้างงานสร้างอาชีพให้ตัวเองในบ้านเกิด
1. เตรียมตัวเตรียมใจให้เรียบง่าย
: บางคนใช้ชีวิตในเมืองนานเกินไปทำให้เกิดการเสพติดความสะดวกสบายที่ต้องมีเงินจับจ่ายเท่านั้นจึงจะได้มา
ไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิง ห้างร้านค้า อาหารหลากรสชาติที่มีการปรุงสุกพร้อมขาย ที่หาไม่ได้ง่ายๆ
ในเขตชนบท ที่คนเคยชินความสะดวกสบายในเมืองกรุงอาจรับไม่ได้ในวิถีเรียบง่ายของชีวิตชนบท
2. สำรวจความพร้อม สร้างอาชีพ : คนทุกคนย่อมมีข้อดีแตกต่างจากคนอื่นที่จะทำให้เรามีความเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร
ดังนั้นจงสำรวจว่าตัวเองมีความถนัดหรือมีความรู้ด้านไหน
จงนำมาปรับใช้สร้างทางอาชีพให้โดดเด่น เช่น ถ้าบอกว่ามีดีด้านการใช้แรงงานอย่างเดียว
ก็คงหนีไม่พ้นการผันตัวเองไปเป็นฝ่ายผลิต หากมีพื้นที่ทำกินการทำเกษตรแบบรวมกลุ่มรวมตัวกันในรูปแบบของ
Young Smart Farmer ประจำจังหวัด ก็จะช่วยให้มีสังคม
กลุ่มคนละเห็นตัวตนที่เด่นชัดขึ้น หรือแม้แต่มีฝีมือด้านการทำอาหาร ชงกาแฟ
ก็สามารเปิดร้านเล็กไว้บริการคนในชุมชน
เพื่อรองรับสังคมเมืองที่กำลังขยายตัวออกมาก็ได้เช่นก้น
3. ถ้ามีภาระหนี้ ควรหันหน้าเจรจาต่อรอง
: การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ
พอๆ กับการพยายามแจ้งเกิดธุรกิจไว้เป็นแนวทางของตัวเองนั่นล่ะ
หากมีภาระหนี้พัวพันการหันหน้าประนีประนอมยอมชอมกับเจ้าหนี้คือหนทางออกที่ดีที่สุด
จากนั้นหันไปตั้งหน้าหางาน ทำเงินให้ตัวเอง โดยที่ไม่ต้องแบกความตึงเครียดให้มากไป
4. เข้าหาแหล่งเงินทุน เริ่มทำธุรกิจ : หากมีหัวทางเทคโนโลยี
ไอที หรือแม้แต่การคิดโมเดลงาน สร้างธุรกิจ ลองคิดแผนงานร่างลงกระดาษ
จากสิ่งที่ชุมชนตัวเองมีแล้วนี่คือช่องทางการต่อยอด และช่วยตอบโจทย์ปัญหาให้แก่ชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ
แล้วนำเสนอโครงการประกวดผ่านเวทีต่างๆ ที่พร้อมสนับสนุนให้ทุนอบรมให้ความรู้แก่กลุ่ม
Startup เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยตามนโยบายของรัฐบาลก็เป็นแนวทางที่ดี
ที่จะได้สร้างงาน สร้างโอกาสให้ผู้คนในชุมชนได้มีช่องทางสร้างรายได้ มีงานทำ
และอาจพัฒนาเป็น SMEs ในท้องถิ่น ที่กลายเป็นที่พึ่งประดุจไม้ใหญ่ให้ผู้คนในชุมชนได้ด้วยในอนาคต
5. สร้างแหล่งอาหารเองในพื้นที่ที่มี : ข้อดีของชนบทคือ น้ำ แดด ลม และผืนดินมีให้ฟรี โดยไม่ต้องเสียเงินเช่าซื้ออะไรให้มากมาย แม้ว่าต่อให้จะมีพื้นที่ไม่มากก็ยังเอื้อต่อการปลูกผักสวนครัวทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพื่อเป็นแหล่งอาหารในครัวเรือน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ทำง่าย เริ่มต้นได้ทันที เพื่อให้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ของคนในครอบครัว
หากปรับเปลี่ยนตัวเองได้ตามแนวทางดังกล่าว
ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้จิตใจจะบอบช้ำจากเศรษฐกิจตก ถูกเลิกจ้าง มีภาระหนี้สินและหมดทางไปต่อในเมืองกรุง
จนต้องมุ่งคืนสู่ชนบทบ้านเกิดที่ห่างไกลความเจริญ เพราะนี่คือ 5 แนวทางที่คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ใช้ปฏิบัติแล้วเห็นผลสำเร็จมาแล้ว.
แหล่งอ้างอิง :
https://www.matichon.co.th/local/news_1355395
https://www.thairath.co.th/news/business/entrepreneur/1825814
http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/pop/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E.aspx
http://www.nso.go.th/sites/2014/Documents/pop/2553/Exculsive2553.pdf