หลายคนอยากมีอิสระทางการเงิน
เลยอยากทำธุรกิจส่วนตัว เพื่อให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีรายได้มากกว่ารายได้จากพนักงานประจำ
แต่ไม่สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเหตุผลนานาประการ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของเงินทุนตั้งต้นในการดำเนินการ
เพราะลำพังค่าจ้างแรงงานที่ได้มาจะใช้ให้ชนเดือนยังยาก ภาระค่าใช้จ่ายอีกมากจนเกินจดจำไหว
ซึ่งหากใครอยากมีธุรกิจ อยากร่ำรวย แต่ยังหลงติดคิดอยู่แบบนี้คำแนะนำที่ดีที่สุด
คือจงใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนต่อไป
เพราะในการเริ่มต้นทำธุรกิจบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนทางการเงินเสมอไป
อาจใช้ไอเดีย ความรู้ ความสามารถในการเปิดทางจนพบลู่ทางในการทำธุรกิจ
และไม่ยึดติดกับเซฟโซนของรายได้ประจำ กล้าก้าวออกมาเสี่ยงโชคด้วยความมุ่งมั่น จนพบสู่ทางสู่ธุรกิจพลิกชีวิตจากบ้านจน
เป็นคนร่ำรวยได้ในเวลาไม่นาน
หากมองย้อนไปในอดีตคนที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายธุรกิจหลายคน ก็เริ่มต้นธุรกิจด้วยต้นทุนที่มีไม่มาก บางคนมีเพียงแค่ต้นทุนทางแรงกายเท่านั้นแต่ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ เพราะมีใจมุ่งมั่น มากกว่าจำนวนเงินในกระเป๋า ดังจะเห็นได้จากบรรพบุรุษชาวจีนที่หอบเสือผืนหมอนใบ ข้ามน้ำข้ามทะเลจากจีนแผ่นดินใหญ่มาปักหลักชีวิตในเมืองไทย ในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองติดกายมาทำทุนอะไร ก็สามารถพลิกชีวิตกลายมาเป็นเจ้าสัว เจ้าของธุรกิจชั้นนำใหญ่โตในเมืองไทยไปแล้วหลายราย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เริ่มต้นหาเงินทุนอย่างไร ในยุคที่ไม่มีเงินจะทำอะไรก็ยาก
หากชีวิตนี้มีแค่ตัวเปล่า กับความรู้จากใบปริญญา
เงินเก็บไม่มีมาก อยากให้สละเวลามาอ่านบทความนี้ แล้วจะค้นพบแรงบันดาลใจในการ Startup สู่ธุรกิจและหนทางแห่งความร่ำรวย
คุณอาทิตย์ จันทร์นนทชัย(โต)
พนักงานออฟฟิศ วัย 39 ปี เจ้าของแพลตฟอร์มเครือข่ายเกษตรกร
แอปพลิเคชัน ฟาร์มโตะ (Farm TO) ตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างการผลิตกับการตลาด
เจ้าของรางวัลเกษตรกรก้าวหน้า ประจำปี พ.ศ.2562 เริ่มต้นทำแพลตฟอร์มนี้จากไอเดียความคิดของตัวเอง
ก่อนจะไปชวนเพื่อนมาร่วมโปรเจค
เดินสายประกวดโครงการตามหน่วยงานที่มีการส่งเสริมด้านการ Startup
แนวคิด Farm TO โดยเริ่มจาก “ไอเดียที่นำเสนอบนแผ่นกระดาษ ซึ่งผุดขึ้นมาระหว่างปลูกข้าวทำนาในฟาร์มตัวเอง” ทั้งที่เขาไม่ได้มีเงินเก็บหรือทุนส่วนตัวมากมาย แต่อาศัยเส้นทางการประกวด เข้ามา จนถึงวันนี้ ได้รางวัลจากเวทีการประกวดด้านStartup มีทั้งสิ้นถึง 8 รางวัล จนสามารถนำเงินรางวัลที่ได้ไปพัฒนาแพลตฟอร์ม Application Farm To ที่สามรถสร้างรายได้เป็นหลักแสนต่อเดือนในปัจจุบัน
1.เพราะเริ่มต้นด้วยใจรัก
คุณอาทิตย์รักการทำเกษตรหลังจากมีโอกาสได้ซึมซับกับธรรมชาติและการทำไร่ ทำนา ของเพื่อนสนิท จนนำมาสู่การมองหาลู่ทางหาเวลาว่างไปปลูกข้าวทำนา ปลูกผักขาย สร้างความสุข สร้างแหล่งอาหารให้แก่ตัวเองและครอบครัว
2. กล้าลงมือทำไอเดียให้เป็นจริง
ใครจะคิดว่าในยุคสมัยที่ Facebook เข้ามาในเมืองไทยใหม่ๆ จะมีคนกล้าซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จากคนขายแปลกหน้าที่กล้าเชิญชวนให้คนอื่นๆ ที่อยากมีพื้นที่ทำการเกษตรแต่ไม่สามารถมีได้ มาร่วมเป็นเจ้าของฟาร์ม หรือเจ้าของพืชที่กำลังปลูก โดยตัวเองเป็นผู้ดูแลจัดการฟาร์ม แล้วให้อีกฝ่ายจ่ายเงิน ค่า ปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ ฯลฯ ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อการปลูกพืชนั้นๆ จนกว่าจะเก็บเกี่ยว โดยมีเพียงแค่การ Update ภาพถ่ายและการเคลื่อนไหวของพัฒนาการพืชเหล่านั้นเป็นเครื่องการันตี ซึ่งดูแล้วไม่มีความน่าเชื่อถือถึงผลของการลงทุนไปแม้แต่น้อย แต่ผู้คนกลับให้ความสนใจมากมาย จนกลายมาเป็นไอเดียต่อยอดในการทำแพลตฟอร์ม Farm To
3. วิ่งเข้าหาโอกาสและแหล่งความรู้
เมื่อได้ไอเดียชัดมองเห็นโอกาสและช่องทางการทำธุรกิจ คุณอาทิตย์ ไม่มีความลังเล เขานั่งหาข้อมูลความรู้ ออกแบบธุรกิจ วางแผน หาหุ้นส่วน และวิ่งเข้าหาโอกาส “ด้วยไอเดียบนกระดาษที่มี” ผ่านการเดินสายประกวดโครงการต่างๆ และ เข้ารับการอบรมจากหน่วยงานที่เปิดอบรมให้ความรู้ฟรี จนได้เงินทุนมาต่อยอดทำไอเดียบนกระดาษให้เป็นความจริง
4. สร้างเครือข่ายต่อยอดธุรกิจ
หลังจากเปิดตัวแพลตฟอร์ม Farm To ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 คุณอาทิตย์ ยังคงพัฒนาต่อยอดความรู้วิ่งหาโอกาสสร้างเครือข่ายเกษตรกรให้เข้ามาร่วมกันเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Farm To จนปัจจุบัน Farm To ได้รับความสนใจจากเกษตรกรมากมาย ซึ่งขณะนี้ผ่านการ Approved แล้วจำนวน 40 ฟาร์ม มียอดการดาวน์โหลดแล้วกว่าสามพันครั้ง และสร้างรายได้สูงสุดโดยการหักเปอร์เซ็นต์เมื่อขายสินค้าได้ จากเกษตรกรสูงสุดเป็นเงิน 200,000 บาทในหนึ่งเดือน ทั้งๆ ที่ตัวเองยังคงทำงานประจำ เรียนจบศิลปกรรม แต่สามารถทำสิ่งที่เป็นเพียงไอเดียความคิด ซึ่งเกิดจากความรัก “แบบจับเสือมือเปล่า” จนสามารถสร้างธุรกิจขึ้นมาได้แบบไม่มีเงินทุนอย่างแท้จริง