แต่ละคนมีวิธีการจัดการความเครียดไม่เหมือนกัน
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้นิยมการอ่าน หนังสือดีๆ สักเล่มก็สามารถนำพาตัวเราให้ถอยห่างจากโลกปัจจุบันไปสู่อีกโลกหนึ่งได้
โลกที่เราเป็นผู้เฝ้าดูและติดตาม แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่ทราบว่าจะสามารถรับมือและจัดการกับความเครียดได้อย่างไร
ลองหาหนังสือมาอ่านสักเล่ม ไม่จำเป็นต้องเป็นนิยาย อะไรก็ได้ ขอแค่ชอบก็พอ
รีวิวหนังสือน่าอ่านในครั้งนี้ เลยโฟกัสที่หนังสือเบาสบาย อ่านแล้วอารมณ์ดี ไม่เครียด ได้ข้อคิด และที่สำคัญ เล่มเล็กๆ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อย ผลงานการคัดสรร 12 ปี คอลัมน์ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ โดยนักเขียนที่หลายคนรู้จักดี ‘หนุ่มเมืองจันท์’ ในชื่อเรื่อง ‘ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่’
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับผู้เขียนซึ่งได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อช่วงต้นปี
2554 เป็นช่วงที่ชีวิตประสบปัญหาในหลายด้าน ชีวิตการงาน เรื่องส่วนตัววุ่นวาย มีปัญหามากมายที่ไม่ทราบว่าจะจัดการอะไรก่อนดี สุดท้ายคือจมอยู่กับปัญหา ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง
อันไหนควรวาง-อันไหนให้รีบทำ
วันหนึ่งมีบุรุษไปรษณีย์มาส่งพัสดุที่บ้าน
เปิดข้างในดูประกอบด้วยซีดีเพลง โปสต์การ์ดสวัสดีปีใหม่ และหนังสือเล่มบางหนึ่งเล่ม
ปกด้านในเขียนกำกับไว้ใจความว่า
“มอบให้เพื่อน และหากอ่านจบแล้ว
เบื่อแล้ว อนุญาตให้ส่งต่อใครก็ได้บนโลกใบนี้ที่เราเห็นว่าควรได้รับ เพราะสิ่งดีๆ
มีไว้แบ่งปัน”
ทั้งหนังสือ ซีดีเพลง และโปสต์การ์ด
ไม่ได้ถูกสนใจไปมากกว่าการเปิดอ่านผ่านๆ เพียงไม่กี่หน้าอยู่พักหนึ่ง จนชีวิตว่างพอจะหาอะไรผ่อนคลาย
อย่างที่บอกในข้างต้น การอ่านคือการผ่อนคลายรูปแบบหนึ่ง
ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่
ชื่อเรื่องออกแนวนามธรรม โลกสวยไปสักนิด
คือคำปรามาสในใจตอนแรกที่หยิบมาอ่านแบบผ่านตา แต่เมื่อใช้เวลาอ่านอย่างจริงจัง
และคิดตามอยู่สักระยะก็สรุปได้ว่า เราทิ้งของดีไว้ในมุมห้องโดยไม่เหลียวแลมาตั้งหลายเดือน
งานเขียนอ่านง่าย เล่าเรื่องง่ายๆ
เหมาะสำหรับคนเวลาน้อย ที่สำคัญทำให้เราหยุดความคิดอันวุ่นวาย
และเริ่มจัดระบบการคิดที่เริ่มเป็นระบบขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
เราต้องแยกให้ออกว่า ปัญหา กับ ความทุกข์ นั้นเป็นคนละเรื่องกัน “ปัญหา คือ ความจริง ที่เผชิญอยู่”
ส่วนความทุกข์ คือ "ความรู้สึก" แต่คนเราต่างมองปัญหาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นปัญหาเดียวกันก็ตาม
ดังนั้นการจัดการปัญหาและความรู้สึกอาจต้องทำอย่างหลังก่อน คือ จัดการความรู้สึก แล้วมองปัญหาตามภาษิตทิเบตบทหนึ่งที่กล่าวไว้เป็น ‘คาถาสยบปัญหา’ หากปัญหานั้นแก้ได้ แล้วจะมัววิตกกังวลไปทำไม แต่หากปัญหานั้นแก้ไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะวิตกกังวล
เป็นคาถาสยบปัญหาที่ กำปั้นทุบดินมากๆ!!!
หลังอ่านจนจบ ความรู้สึกนั้นมันเหมือนการตื่นทั้งที่ไม่ได้หลับ เป็นการตื่นทางความคิด อาจบางทีแม้จะเป็นนักอ่าน แต่ก็ไม่สามารถอ่านตัวเองออกได้หมด
หรืออาจสับสนกับปัญหาชีวิต จนไม่คิดจะอ่านตัวปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีสติและไตร่ตรองด้วยเหตุผล
ถึงตรงนี้จึงได้รับคำตอบว่า บางเรื่อง
บางครั้ง และบางสถานการณ์ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็ 'แค่อารมณ์ช่วงหนึ่ง' จะผ่านเข้ามา ผ่านไป เหมือนลมที่พัดลอดมาทางหน้าต่าง
ให้ความรู้สึกฉ่ำเย็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พัดมาอีก
หมายเหตุ : และอย่างที่บอก สิ่งดีๆ มีไว้แบ่งปัน สำหรับแฟนเพจ bangkokbanksme ที่ต้องการหนังสือเล่มนี้ เรายินดีจัดส่งให้สำหรับท่านแรกที่อินบ๊อกเข้ามาแจ้งความประสงค์