‘ขยะพลาสติก’ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบนิเวศแหล่งน้ำ
เนื่องจากขยะพลาสติกในแหล่งน้ำจะถูกคลื่น ลม แสงแดด
ทำให้แตกตัวเป็นไมโครพลาสติกซึ่งมีอนุภาคที่เล็กมากและยากที่จะกำจัด
เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ
สวิตเซอร์แลนด์มีปริมาณขยะพลาสติกต่อหัวเกือบ 100 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของยุโรปถึง 3 เท่า แต่สวิสมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพและได้รับความร่วมมือในการส่งเสริมการรีไซเคิลและลดปริมาณขยะพลาสติกจากทุกภาคส่วน ทำให้สามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างสำเร็จลุล่วง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยกระบวนการรีไซเคิลขยะพลาสติกของสวิตฯ
เริ่มต้นมาจากครัวเรือน ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานของทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ
และภาคประชาสังคม รัฐบาลท้องถิ่นส่วนใหญ่ในสวิตฯ มีนโยบายการเก็บภาษีขยะแบบต่อถุง ซึ่งกระตุ้นให้ประชาชนหาวิธีลดปริมาณขยะที่จะทิ้งให้เหลือน้อยที่สุด
โดยคัดแยกขยะที่สามารถรีไซเคิลได้เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่
นอกจากนี้
รัฐบาลกลางสวิสได้ออกรัฐบัญญัติว่าด้วยบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มในปี 2543
ซึ่งกำหนดให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มต้องรีไซเคิลขยะบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มพลาสติกคุณภาพสูงชนิด
PET ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75
โดยรัฐบาลจะออกมาตรการเก็บเงินมัดจำบรรจุภัณฑ์
หากไม่สามารถรีไซเคิลได้ตามอัตราที่กำหนด
ส่งผลให้ภาคธุรกิจเกิดความตื่นตัวและส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างจริงจัง
เพื่อหลีกเลี่ยงนโยบายเงินมัดจำบรรจุภัณฑ์ที่จะทำให้สินค้าราคาสูงขึ้น
จึงร่วมมือกับสมาคม PET Recycling Switzerland ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ริเริ่มติดตั้งจุดรับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม
PET มาตั้งแต่ปี 2533
เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานและดำเนินการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม PET อย่างครอบคลุมทั่วสวิส ปัจจุบันมีจุดรับบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม PET มากกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ และมีอัตราเฉลี่ยการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม
PET สูงกว่าร้อยละ 80
นอกจากนี้
บรรดาร้านค้าปลีกเริ่มมีการติดตั้งจุดรับขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไปชนิดอื่นๆ
ตั้งแต่ปี 2556 ปัจจุบันมีขยะพลาสติกที่ถูกนำไปรีไซเคิลประมาณ
800,000 ตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 25 ของขยะพลาสติกทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 75
จะถูกนำไปเผาเพื่อผลิตเป็นพลังงาน
รวมถึงมีการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ภาชนะและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำได้
เพื่อลดปริมาณขยะจากการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง โดยรัฐบาลท้องถิ่น ธุรกิจร้านค้า และร้านอาหารได้ริเริ่มดำเนินมาตรการต่างๆ
โดยสมัครใจ เช่น ในปี 2563 เทศบาลนครเจนีวาได้ห้ามจำหน่ายพลาสติกใช้แล้วทิ้งในพื้นที่สาธารณะ
โดยตั้งแต่ปี 2560
กลุ่มร้านค้าปลีกเริ่มเก็บค่าถุงพลาสติกในราคา 0.5 แรพเพน (100 แรพเพนเท่ากับ 1 ฟรังก์สวิส) ต่อใบ
ขณะที่ปีที่ผ่านมา
บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ดังเช่น Migros และ Coop ก็ได้เริ่มลดการจำหน่ายหรือแจกผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารพร้อมรับประทาน
แทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้หรือสแตนเลส
และลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับผลิตภัณฑ์ทั่วไปถึงร้อยละ 47 และร้อยละ 21 ตามลำดับ
แต่ยังคงใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับผักและผลไม้
แม้จะจัดการกับปัญหาขยะพลาสติกได้ดี
แต่รัฐบาลกลางสวิสฯ ไม่ได้ออกกฎหรือกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดการขยะพลาสติก
ดังเช่นการห้ามใช้/จำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเหมือนสหภาพยุโรป เหตุผลเนื่องจากมีความระมัดระวังในการออกกฎหมายที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
โดยถือว่าเป็นการแทรกแซงเสรีภาพทางเศรษฐกิจ
ซึ่งจะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุสมควรและจำเป็นเท่านั้น
แหล่งอ้างอิง :
กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ