5 เทคนิคสร้าง Engagement บน Facebook สูงๆ โดยไม่ต้องจ่ายเงิน
Facebook ยังคงเป็นเครื่องมือการทำตลาดที่ทรงอิทธิพล
และจำเป็นต่อการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่นักการตลาดให้ความสำคัญ
ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยโจทย์ที่ท้าทายและยากขึ้นทุกวัน จากการเปลี่ยนแปลงของ Facebook ที่พยายามบีบให้ซื้อโฆษณามากขึ้นก็ตาม
แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยที่กว่า
47 ล้านบัญชี ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก
(สถิติปี 2020) กลายเป็นสิ่งท้าทายที่ทำให้ไม่สามารถทิ้งการทำตลาดบน Facebook ไปได้ เพราะที่ไหนที่มีคนเยอะ
โอกาสที่จะเห็นหรือเข้าถึงสินค้าของเราย่อมมีมากขึ้นตาม
หากแต่จะทำอย่างไรให้โพสต์หรือเพจที่จัดการดูแล มีสามารถเข้าถึงกลุ่มคนเป้าหมายที่มีอยู่มากมายบน Facebook นั้นได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณา ท่ามกลางสงครามขนาดย่อมในการแข่งขันแย่งพื้นที่โพสต์บนฟีดข่าวจากจำนวนเพจและผู้คนมากมาย กลายเป็นสิ่งท้าท้ายให้ต้องขบคิดหาวิธีมารับมือ ซึ่งการโพสต์หรือเพจที่จัดการดูแล สามารถเข้าถึงกลุ่มคนเป้าหมายที่มีอยู่มากมายบน Facebook นั้นอาจต้องอาศัยชั้นเชิงทางเทคนิคช่วยเพิ่ม Reach และ Engagement ให้สูงขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตามแนวทางดังต่อไปนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. กระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ การสร้างโพสต์ที่สามารถเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมหรือมีปฏิสัมพันธ์
(Interactions) เป็นการเพิ่ม Organic Reach ให้สูงขึ้นได้ โดย Facebook
จะแบ่งการปฏิสัมพันธ์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เป็น
Passive Interactions จากการกดดูคอนเทนต์, การรับชม,
การหยุดอ่านแบบไม่มีการโต้ตอบกับโพสต์นั้นๆ ซึ่งเป็นการรับสารทางเดียวของผู้ใช้งาน
Facebook
และกลุ่มคนที่ Active
Interactions ที่เป็นการคอมเมนต์
ไลก์ แชร์ หรือมีการโต้ตอบกับโพสต์นั้นๆ โดย Facebook
ได้ให้ความสำคัญต่อคอนเทนต์ที่ทำให้เกิด Active Interactions มากกว่ามาตั้งแต่ปี
2018
ดังนั้นการเปลี่ยนโพสต์จากประโยคบอกเล่าธรรมดามาเป็นการกระตุ้นด้วยคำถามปลายเปิด
การขอความคิดเห็น และการร่วมเล่นกิจกรรมจะทำให้เกิด Reach สูงได้ดีกว่า
2. สร้างเนื้อหาแบบ Evergreen
Content หรือเนื้อหาที่สดใหม่อยู่เสมอให้แก่เพจ
เพื่อส่งเสริมให้ความรู้แก่ผู้คน ตามเอกลักษณ์และแนวทางของเพจ
โดยต้องให้เนื้อหานั้นสอดคล้องกับเพจ เช่น ร้านกาแฟ
ก็ควรสร้างเนื้อที่เกี่ยวกับกาแฟ หรือเครื่องดื่มต่างๆ เพราะเนื้อหาที่สดใหม่จะได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่าเนื้อหาที่มีซ้ำๆ
เดิมอยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ Facebook
จะจัดลำดับความสำคัญให้ Reach และ Engagement สูง
3. จัดทำเนื้อหาตามความชอบของแฟนเพจ ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของเพจที่จัดการดูแลได้
โดยการวิเคราะห์เนื้อหาและโพสต์ที่ได้รับความนิยม เช่น รูปภาพ บทความ Video ต่างๆ เพื่อนำมาประเมิน วิเคราะห์และ
ปรับใช้ทำแผนการสร้างคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์โดนใจผู้คนที่เป็นฐานแฟนเพจ
แล้วเลือกทำเนื้อหาแนวทางนั้นๆ ก็จะเพิ่ม Reachให้สูงขึ้นได้
4. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แก่โพสต์ ในการโพสต์ปกติทั่วไปของเพจนั้น สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคนที่เข้าถึงโพสต์นั้นได้จากการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายก่อนการโพสต์ ซึ่งจะช่วยให้โพสต์นั้นเข้าถึงกลุ่มคนเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเพื่อการโฆษณา และเหมาะสำหรับเพจที่มีสินค้าหลายรายการ หรือกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่ม
5. เลือกเวลาโพสต์ให้เหมาะสมกับเพจ ช่วงเวลาที่เหมาะสมของแต่ละเพจอาจไม่เหมือนกัน
โดยเพจจะต้องหาช่วงเวลาเหมาะสมของเพจเอง
ผ่านการทดลองโพสต์แต่ละช่วงเวลาที่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายจะออนไลน์หรือเข้าถึงได้มาก
แล้วใช้ข้อมูลเชิงลึกหรือข้อมูลในการเข้าถึงโพสต์แต่ละช่วงเวลา มากำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมของเพจเอง
หรือเข้าไปที่ “ข้อมูลเชิงลึก” แล้วกดเลือก “โพสต์” จากแถบเมนูด้านซ้ายมือ
แล้วจะเห็นรายงานช่วงเวลาทีฐานแฟนเพจออนไลน์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จะนำมาใช้ประกอบการวางแผนคอนเทนต์และบริหารจัดการเพจได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เทคนิคเหล่านี้สามารถทำควบคู่กันได้กับการทำการตลาดแบบจ่ายเงิน ภายใต้งบการตลาดอย่างเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากสำหรับเรื่องนี้อีกต่อไป แต่ก็ควรมีจัดสรรไว้บ้าง แต่อย่างที่นักการตลาดหลายท่านทราบดีว่า ภายใต้อัลกอลิทึ่มของ Facebook ในปัจจุบันซึ่งมีการปรับการเข้าถึงผู้ใช้มากพอสมควร ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดงบประมาณการโฆษณาไว้ด้วยจะดียิ่งขึ้น
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<