สินค้าเกษตรยังเป็นที่ต้องการของตลาดในช่วงเวลานี้
โดยเฉพาะการส่งออกไปประเทศจีนและการค้าชายแดนเวียดนาม หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ในจีนเริ่มคลี่คลาย ทำให้ตลาดสินค้าเกษตรจีนเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ประมาณ
70-80% ภายใต้ข้อกำหนดที่ทำให้เกิดอุปสรรคปัญหาด้านการขนส่งบนมาตรการคัดกรองอย่างละเอียด
แต่ยังสามารถทำการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยในช่วงวันที่
1 มีนาคม – 14 เมษายน 2563 มีการส่งออกผลไม้หลักที่สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน ลำไย
และมังคุด ผ่านช่องทางต่างๆ ของด่านตรวจพืช ทั้งทางบก เรือ และอากาศ
ซึ่งมีปริมาณส่งออกรวม 156,076 ตัน มูลค่า 13,947 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2563 มีปริมาณส่งออกผลไม้หลักที่สำคัญจำนวน
75,908 ตัน ในช่วงวันที่ 1-14 เมษายน 2563
มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นจำนวน 80,168 ตัน
ในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นผ่านช่องทางการขนส่งทางบกจากไทยไปจีนมีปริมาณ
83,808 ตัน
แม้ว่าการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีนทางบก ต้องผ่านเส้นทางหลักของประเทศลาวและประเทศเวียดนามไปสู่ประเทศจีน จึงทำให้มีความติดขัดล่าช้าตามด่านตรวจของทั้ง 2 ประเทศ ที่เพิ่มมาตรการป้องกันการการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด จึงเริ่มมีการหันไปเน้นการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น ให้ภาครัฐช่วยผลักดันจีนเปิดท่าเรือกวนเหล่ยในแม่น้ำโขงเพิ่มเติมอีกจุดหนึ่ง ที่ยังคงมีอุปสรรคด้านความพร้อมของจุดตรวจมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช จำต้องรอดูติดตามผลกันต่อไป
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เงื่อนไขการส่งออก-นำเข้า
ผลไม้สดไทยไปจีนผ่านประเทศที่สาม (ใหม่ล่าสุด)
การขนส่งผลไม้สดจากไทยไปจีน
หรือนำเข้าผลไม้สดจากจีนมาไทย ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีเงื่อนไขการนำเข้าและส่งออกผลไม้สดระหว่างประเทศไทยและจีนทางบก
ตามร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทย ผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรับประชาชนจีน
ผ่านข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในช่วงโควิด-19 ดังนี้
1. รายการชนิดของผลไม้สดที่อนุญาตให้นำเข้า-ส่งออกเป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายกำหนด
มีผลไม้ไทยจำนวน 6 ชนิด คือ มะม่วง ทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด ชมพู่ และผลไม้จีนมีจำนวน
5 ชนิด คือ แอปเปิล แพร์ พุทรา
และพืชสกุลส้ม (ส้ม ส้มเขียวหวาน ส้มโอ และเลม่อน) ต้องมาจากสวนและโรงงานคัดบรรจุที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและประกาศโดยกรมวิชาการเกษตรและ
GACC แล้วเท่านั้น
ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างหารือเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลการขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุของผลไม้สดชนิดอื่นเพิ่มเติม
โดยผลไม้ไทยจำนวน 4 ชนิด คือ กล้วย มะพร้าว สับปะรด ขนุน ผลไม้จีนจำนวน 5 ชนิด คือ
พลับ เมล่อน พลัม ท้อ และเนคทารีน และจะประกาศวันที่มีผลบังคับต่อไป
2.
ผลไม้สดของไทยและจีนต้องนำเข้าส่งออกทางบกจากด่านที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดเท่านั้น โดยด่านของฝ่ายไทยคือ
ด่านตรวจพืชเชียงของ ด่านตรวจพืชบึงกาฬ ด่านตรวจพืชนครพนม ด้านตรวจพืชมุกดาหาร
และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาดของด่านตรวจพืชจันทบุรี ด่านของฝ่ายจีนคือ ด่านโมหัน (Mohan) มณฑลยููนาน
รวมถึงด่านโหย่วอี้กวน (Youyiguan) ด่านตงซิง (Dongxing)
และด่านรถไฟผิงเสียง (Pingxiang Raiway) เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง
3. ฉลากบรรจุภัณฑ์ผลไม้สดทุกชนิดต้องเป็นไปตามที่กำหนด
โดยผลไม้ไทยจำนวน 6 ชนิดในข้อ 1 ต้องระบุหมายเลขทะเบียนสวน (รหัส Ac หรือ TG* เฉพาะทุเรียน) และหมายเลขทะเบียนโรงคัดบรรจุ (รหัส DOA) ตามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและประกาศในเว็บไซต์ของ GACC แล้ว
ส่วนผลไม้ชนิดอื่นที่เหลือยังไม่ต้องระบุหมายเลขทะเบียนและประกาศในเว็บไซต์ของ GACC
นอกจากนี้การซีลปิดตู้สินค้าต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด
4. ใบรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับการนำเข้าและส่งออกผลไม้ระหว่างไทยและจีนทางบก
ต้องระบุหมายเลขตู้สินค้า หมายเลขซีลทุกครั้ง ทั้งนี้ มะม่วง ทุเรียน ลำไย
ลิ้นจี่ และมังคุด ให้ระบุหมายเลขทะเบียนโรงคัดบรรจุรหัส DOA ชมพู่ให้ระบุหมายเลขสวนรหัส
AC (จำนวนกล่อง/ตะกร้า) และหมายเลขทะเบียนโรงคัดบรรจุรหัส DOA
ส่วนผลไม้ 16 ชนิดที่จีนอนุญาตให้นำเข้า ได้แก่ มะขาม น้อยหน่า
มะละกอ มะเฟือง ฝรั่ง เงาะ ขนุน ลองกอง สับปะรด ละมุด กล้วย เสาวรส มะพร้าว
ส้มเปลือกล่อน ส้ม ส้มโอ ที่เหลือยังไม่ต้องระบุหมายเลขทะเบียนโรงคัดบรรจุรหัส DOA
จนกว่าจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการขึ้นทะเบียนและประกาศในเว็บไซต์ของ
GACC
5. ใบรับรองสุขอนามันพืชต้องระบุข้อความรับรองพิเศษตามที่กำหนด
6. ด่านส่งออกตามที่กำหนด
ต้องส่งสำเนาใบรับรองสุขอนามัยพืชฉบับจริงทาง E-Mail ให้กับด่านนำเข้าตามที่กำหนด ล่วงหน้าก่อนที่สินค้าจะเดินทางมาถึง
7. ลำไยสดส่งออกไปจีนต้องมีใบรับรองสุขอนามัยที่รับรองปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างกำกับไปพร้อมกับสินค้าทุกครั้ง
8. ตู้สินค้าผลไม้จะต้องไม่ถูกเปิดระหว่างขนส่งผ่านประเทศที่สาม
9. เมื่อสินค้าเดินทางมาถึงด่านนำเข้า
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบซีล เอกสารที่เกี่ยวข้อง และความถูกต้องสมบูรณ์ของสินค้า
- หากพบว่าใบรับรองสุขอนามัยพืชปลอม หรือข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนดในข้อ 4
และ 5 สินค้านั้นจะถูกปฏิเสธการนำเข้า
- หากพบว่าใบรับรองสุขอนามัยพืชและชนิดสินค้าไม่ตรงกัน ซีลถูกทำลาย
หรือพบการปลอมผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอื่นสินค้านั้นจะถูกส่งกลับหรือนำไปทำลาย
- หากพบว่าสารตกค้างมีปริมาณสูงสุดเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด หรือตรวจพบศัตรูพืช
หรือพบการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่นใดในการนำเข้า เจ้าหน้าที่ด่านนำเข้าของจีนจะดำเนินการตามมาตรการ
12 ของ "พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับผลไม้เมืองร้อนส่งออกจากไทยไปจีน" www.danmuk.org ในทางตรงกันข้าม
เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชของไทยจะดำเนินการตามมาตรา 11 ของ
"พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับผลไม้เมืองร้อนส่งออกจากจีนไปไทย"
ปี 2547
10.
แต่ละฝ่ายจะต้องแจ้งข้อมูลการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการนำเข้าให้อีกฝ่ายทราบโดยเร็วที่สุด
เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของปัญหาและใช้มาตรการป้องกันแก้ไขอย่างเหมาะสม
แหล่งอ้างอิง https://www.ctat.or.th