มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมกราคม
2564 มีมูลค่า 19,706.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.35%
เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับจากเดือนธันวาคม 2563
ที่เพิ่มขึ้น 4.71% การนำเข้ามีมูลค่า 19,909.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.24%
แต่การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบไม่ได้ลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกในอนาคต
และขาดดุลการค้า 202.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้หากหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธยุทธปัจจัย การส่งออกจะขยายตัวสูงถึง 7.57% ซึ่งสะท้อนการเติบโตของภาคการส่งออกอย่างแท้จริง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ
อย่าลืมกดไลก์
Facebook bangkokbanksme
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกฟื้นตัว
มาจากเศรษฐกิจโลกที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้กระตุ้นกำลังซื้อ และประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด 19 ที่เริ่มเห็นผลชัดเจน
ส่งผลให้ความเชื่อมั่นกลับมา ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้น
ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญของไทยฟื้นตัวดี โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร
เพิ่มขึ้น 3.7% สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 0.9% รวมถึงตลาดส่งออกหลายตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
สำหรับสินค้าที่ยังขยายตัวได้ดี
ได้แก่ อาหาร โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม
อาหารสัตว์เลี้ยง สุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง และสิ่งปรุงรสอาหาร
สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น
เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน
ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้าและส่วนประกอบ โทรศัพท์และส่วนประกอบ
สินค้าป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์
เภสัชภัณฑ์ และถุงมือยาง และยังมีสินค้าที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวดี เช่น รถยนต์
อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า
เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น
แนวโน้มการส่งออกคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง และวัคซีนโควิด 19 ช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมา โดยหากส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 20,093 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้การส่งออกทั้งปีบวก 4% แต่ยังต้องระวังปัจจัยกดดัน ทั้งการระบาดรอบใหม่ของโควิด 19 ที่ยังคงมีอยู่ ปัญหาด้านการขนส่งระหว่างประเทศและการขาดแคลนตู้สินค้า และเงินบาทแข็งค่า
แหล่งอ้างอิง : กระทรวงพาณิชย์