เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น?
จากการประชุมของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย
ที่ระบุถึงเศรษฐกิจไทยใกล้ฟื้นตัวหลังจากกลับมาผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด
19 ได้อีกครั้ง
จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันลดลงตามลำดับ
และการเริ่มฉีดวัคซีนในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ
รวมทั้งการส่งออกของไทยที่ไม่รวมทองคำปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในหลายสินค้า สะท้อนอุปสงค์ในตลาดโลกที่เติบโต ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด
19 ซึ่งยังคงต้องเฝ้าระวังหลังผ่อนคลายมาตรการ
2. การกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด
19 รวมไปถึงการประคับประคองกำลังซื้อในประเทศ
ที่สำคัญคือเศรษฐกิจโลกเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นชัดเจน
โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม
จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลักลดลงอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งประเทศเหล่านั้นมีอัตราการฉีดวัคซีนเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ทำให้หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค
เป็นผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มปรับดีขึ้น
ตลอดจนเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่างๆ
โดยเฉพาะเครื่องชี้ภาคการผลิตที่มีทิศทางดีขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี
ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อ ตลอดจนความคืบหน้าในการส่งมอบวัคซีนและประเด็น
vaccine
passport ซึ่งจะปลดล็อคเรื่องของการเดินทางระหว่างประเทศต่อไป
ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่เร่งตัวสูงขึ้นมาก
รวมถึงสินค้าสำคัญในซัพพลายเชนที่ขาดแคลน
อาจส่งผลต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยในระยะต่อไป ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบและทองแดงเพิ่มสูงขึ้นมาก
นอกจากนี้
สินค้าสำคัญของหลายอุตสาหกรรมอย่างเซมิคอนดัคเตอร์ ก็ประสบภาวะขาดแคลนและเริ่มส่งผลต่ออุตสาหกรรมหลักที่เกี่ยวข้องทั่วโลกอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์
ซึ่งประเด็นเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไทยในปีนี้
ทั้งในเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น
และแนวโน้มคำสั่งซื้อสินค้าที่จะชะลอลงในซัพพลายเชนที่ประสบปัญหา
จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามนอกเหนือจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังไม่คลี่คลาย
ประชุม กกร. จึงประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบ
1.5% ถึง 3.5% ประมาณการการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 3.0% ถึง 5.0%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.0%
อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินของไทยเริ่มได้รับอิทธิพลจากการปรับตัวขึ้น
ของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว
ส่งผลให้นักลงทุนขายพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทย และเงินบาทอ่อนค่าลง
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไปคือ แนวนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินทั่วโลก
เสนอมาตรการประคองเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย
ได้จัดทำข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจของสมาคมธนาคารไทย
ที่ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง
เพื่อหารือข้อเสนอมาตรการประคองและรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤติโควิด 19 ภายใต้แนวคิด “ปรับปรุง
ฟื้นฟู เปลี่ยนแปลง” เพื่อมองไปข้างหน้า แก้ไขปัญหา
และตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพก้าวผ่านวิกฤติ
อีกทั้งยังมีเวลาที่จะให้ธุรกิจได้ปรับตัวเพื่อรองรับการเติบโตต่อไปในอนาคต
ปรับปรุง : “โครงการพักทรัพย์
พักหนี้” ซึ่งเป็นโครงการภาคสมัครใจที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์โควิด
19 ระลอกใหม่ แต่ยังมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวอยู่รอดได้
โดยให้ผู้ประกอบการสามารถลดภาระทางการเงินได้ชั่วคราว
ด้วยการโอนทรัพย์ไว้กับธนาคารโดยมีสัญญาซื้อคืน
เพื่อรอการฟื้นตัวของธุรกิจโดยไม่สูญเสียกิจการไป
ฟื้นฟู : สำหรับธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัวและมีความต้องการวงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติมนั้น
เป็นการเพิ่มวงเงินสินเชื่อ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งการเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับการกลับมาดำเนินธุรกิจแบบปกติ
(Revive & Restart) โดยเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงวงเงิน
เปลี่ยนแปลง : การใช้ e-Invoicing บน Platform โดยให้มีมาตรฐานกลางทั้งในเรื่องรูปแบบของ
Invoice ระยะเวลาที่เหมาะสมของ Credit Terms ซึ่งจะรวมถึงการร้องเรียน และการคืนสินทรัพย์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้เพื่อให้ ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการค้าที่โปร่งใส
และเป็นธรรมกับผู้ประกอบการทุกราย ทำให้ระบบเครดิตทางการค้าเชื่อมโยงกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้
เสนอภาครัฐเร่งเปิด Travel Bubble กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลางเพื่อเปิดโอกาสให้
นักท่องเที่ยว นักธุรกิจที่มี Vaccine passport เข้ามาในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- เร่งรัดให้ภาครัฐจัดซื้อวัคซีนให้มากขึ้นจากหลายๆ
แหล่งทั่วโลก เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนคนไทยทั้งหมด แรงงานต่างด้าว
นักธุรกิจต่างประเทศที่อยู่ในไทย และให้ อย.
อนุมัติวัคซีนที่มีนำเข้าแล้วให้ผ่านเกณฑ์เร็วขึ้น
- ขอให้ภาครัฐอนุญาตให้ภาคเอกชนซื้อวัคซีนเอง
เพื่อแบ่งเบาภาระภาครัฐและช่วยให้การฉีดวัคซีนเร็วขึ้น จะได้ช่วยให้ประเทศฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
- ขอให้ภาครัฐให้ความสำคัญในการเร่งรัด
การแก้ไขกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค์ในการทำธุรกิจ (Regulatory Guillotine)
และเร่งตั้งหน่วยงานเพื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนในการแก้ไข
โดยการศึกษาพบว่าถ้าประเทศไทยมีการแก้ไขได้รวดเร็วจะช่วยให้เพิ่ม GDP ของประเทศได้อย่างมาก