จับตา !! เมื่อ Agentic AI อาจกลายมาเป็นเครื่องมือ ที่หลายธุรกิจขาดไปไม่ได้ !??
Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ขององค์กรกว่า 33% จะฝัง Agentic AI เข้ามาช่วยทำงาน จากในปี 2024 ที่ยังมีการนำมาใช้ไม่ถึง 1% ทำให้ 15% ของการตัดสินใจเกี่ยวกับงานประจำวันสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ!
ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่ “ตอบคำถาม” แต่สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่คิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ ไปจนถึงการลงมือปฏิบัติ โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ตลอดเวลา
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพประโยชน์ของ Agentic AI ที่ถูกนำมาใช้จริงในปัจจุบัน
1. Mercedes-Benz แบรนด์รถยนต์ชื่อดัง ที่ใช้ Agentic AI เข้ามาเป็นผู้ช่วย MBU Z Virtual Assistant ในรถยนต์รุ่น CLA ที่จะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ การนำทาง และอื่น ๆ โดยสามารถสนทนากับ AI ได้เหมือนคุยกับผู้ช่วยส่วนตัว
2. Bayer บริษัทด้านเภสัชกรรม ที่ใช้ Agentic AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์แนวโน้มการแพร่ระบาดของไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่จากข้อมูลบน Google Searches ร่วมกับข้อมูลภายนอก เช่น รายงานไข้หวัดใหญ่สาธารณะ เพื่อนำมาวางแผนการตลาดให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
3. AES บริษัทพลังงานระดับโลก ลดต้นทุนการตรวจสอบความปลอดภัยลง 99% ด้วยการให้ Agentic AI เข้ามาเปลี่ยนระบบการตรวจสอบความปลอดภัยด้านพลังงานเป็นแบบอัตโนมัติและคล่องตัวขึ้น ช่วยลดระยะเวลาการทำงานจาก 14 วัน เหลือเพียง 1 ชั่วโมง และเพิ่มความแม่นยำมากขึ้น 10-20%
นอกจากทั้ง 3 ตัวอย่างที่ยกมา บอกเลยว่า Agentic AI ยังสามารถช่วยงานธุรกิจด้านอื่น ๆ ได้มากกว่าที่คิด!
พาเปิด 10 ตัวอย่างการใช้งานของ Agentic AI ที่บอกเลยว่าตอบโจทย์การใช้งานได้จริง!
1. งานบริการลูกค้า (Customer Service)
Gartner คาดการณ์ว่า Agentic AI จะสามารถแก้ไขปัญหาการบริการลูกค้าทั่วไปได้เองถึง 80% ภายในปี 2029 โดยจากเดิมที่แชทบอททำได้เพียงตอบคำถามลูกค้าตามสคริปต์ Agentic AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ปัญหาแบบเจาะลึก เข้าใจสถานการณ์เฉพาะหน้า และแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกค้าเข้ามาติดตามสินค้าที่จัดส่งล่าช้า Agentic AI จะสามารถเข้ามาช่วยตรวจสอบสถานะ ระบุสาเหตุของความล่าช้า หรือช่วยเสนอโซลูชันในการแก้ไขปัญหา เช่น การสั่งซื้อทดแทนแบบเร่งด่วนได้เอง เป็นต้น
2. การพัฒนาแอปพลิเคชันและไอที (Application & IT Operations)
Agentic AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนวิธีการสร้างและดูแลระบบซอฟต์แวร์แบบเดิม โดยสามารถเขียนโค้ดจำนวนมากได้โดยอัตโนมัติ แนะนำการปรับปรุงโค้ดแบบเรียลไทม์ และยังทดสอบระบบโดยสร้างกรณีทดสอบ วิเคราะห์ผล และสรุปข้อผิดพลาดให้ด้วย
ผลลัพธ์คือช่วยให้ทีมพัฒนาเขียนโปรแกรมได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดบั๊ก และทำให้นักพัฒนามีเวลามากขึ้นสำหรับแก้โจทย์ที่ซับซ้อนหรือคิดฟีเจอร์ใหม่ ๆ
3. ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity)
ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2024 ค้นพบช่องโหว่ใหม่ถึง 30,000 จุด นับเป็น 17% เมื่อเทียบปีต่อปี นับว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์มีจำนวนและความซับซ้อนที่มากขึ้น AI แบบเดิมอาจตรวจจับได้ไม่ทันการณ์
Agentic AI จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ ในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทางโลกไซเบอร์ ซึ่งจะสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน ตรวจหาความผิดปกติในระบบ และสามารถจัดลำดับความเสี่ยงเพื่อดำเนินการแก้ไขอัตโนมัติ ช่วยลดโอกาสการโดนโจมตีได้อีกขั้น
4. การดูแลสุขภาพ (Healthcare)
Agentic AI สามารถเข้ามาเป็นผู้ช่วยสนับสนุนแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของผู้ป่วย เช่น
- ตรวจสุขภาพผ่านอุปกรณ์สวมใส่ และแจ้งเตือนหากพบความเสี่ยง
- วิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยเพื่อช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคหรือเสนอแผนการรักษา
- จัดตารางนัดหมาย ประมวลผลข้อมูลประกัน และจัดการเวชระเบียนอัตโนมัติ ลดงานเอกสารของเจ้าหน้าที่
5. การค้นคว้าและพัฒนายา (Drug Discovery)
การวิจัยยาใช้เวลานานและมีต้นทุนสูง Agentic AI สามารถเข้ามาช่วยกรองตัวยาที่ไม่น่าจะได้ผลตั้งแต่ต้น ลดเวลาการทดลอง และเพิ่มโอกาสที่ยาจะประสบความสำเร็จได้มากขึ้น โดยการวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลและประวัติข้อมูลก่อนหน้า เพื่อคัดเฉพาะตัวยาที่มีโอกาสได้ผล
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยวางแผนการทดลองทางคลินิก เช่น คัดเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสม กำหนดขนาดยา และติดตามผลแบบเรียลไทม์ ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการพัฒนายาอีกด้วย
6. การผลิต (Manufacturing)
ในโรงงานผลิต Agentic AI สามารถเข้ามาช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้หลายด้าน เช่น
- ช่วยคาดการณ์การเสียของเครื่องจักรล่วงหน้า และสั่งชิ้นส่วนหรือเรียกช่างได้อัตโนมัติ
- สามารถตรวจสอบคุณภาพสินค้าแบบเรียลไทม์จากกล้องหรือเซ็นเซอร์ พร้อมแจ้งเตือนหากพบความผิดปกติ และส่งข้อมูลย้อนกลับเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
7. การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
Agentic AI สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการขาย เทศกาลต่าง ๆ หรือแม้แต่กระแสบนโซเชียลมีเดีย เพื่อคาดการณ์ความต้องการของสินค้า จากนั้นจึงจัดทำคำสั่งซื้อโดยอัตโนมัติ ลดปัญหาของขาดหรือสินค้าคงคลังล้นเกิน ช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก
8. โลจิสติกส์และซัพพลายเชน (Supply Chain Management)
Agentic AI เข้ามาช่วยวางแผนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตรวจสอบสภาพถนนและอากาศ รวมถึงแผนการจัดส่งแบบเรียลไทม์ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ก็สามารถเปลี่ยนเส้นทาง หรือเลือกซัพพลายเออร์ใหม่ได้อัตโนมัติ
9. การเงินและการลงทุน (Financial Services)
Agentic AI ไม่ได้แค่ตรวจจับการฉ้อโกงอีกต่อไป แต่สามารถบริหารพอร์ตการลงทุน วิเคราะห์ความเสี่ยง ตัดสินใจซื้อขายหุ้น และปรับแผนตามสภาวะตลาดได้ด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้าถึงการบริหารการเงินแบบมืออาชีพได้ง่ายขึ้น
10. ภาครัฐและบริการประชาชน (Government Services)
Agentic AI เข้ามาช่วยให้หน่วยงานรัฐทำงานได้รวดเร็วขึ้น และบริการประชาชนได้ดีกว่าเดิม เช่น
- ช่วยให้การตอบคำถาม และการแนะนำกระบวนการทางราชการที่ซับซ้อนกับประชาชนรวดเร็วมากขึ้น
- รับคำร้องขอเอกสารหรือสิทธิประโยชน์
- แนะนำบริการต่าง ๆ แบบรายบุคคลได้ เช่น เมื่อมีคนยื่นขอต่ออายุใบขับขี่ AI ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลและออกใบใหม่ให้ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่
จากทั้ง 10 ตัวอย่างการใช้งานที่เรายกมานี้ น่าจะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพได้มากขึ้นว่า Agentic AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเสริม แต่กำลังจะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของทุกอุตสาหกรรม ใครเริ่มก่อน ย่อมได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว
หากคุณเป็นผู้นำธุรกิจ อย่ามองข้ามเทคโนโลยีนี้ เพราะอนาคตกำลังจะเปลี่ยนไปเร็วเกินกว่าที่เราจะรอได้
#AgenticAI #AI #ArtificialIntelligence #BBO #thebigblueocean #digitaltransformation #transformationbuddy