ในฐานะเจ้าของธุรกิจ SMEs การมีวิสัยทัศน์ที่ดีและแผนธุรกิจที่ชาญฉลาดนั้นสำคัญมาก การจะปั้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ คุณต้องมีแผนธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะแผนการเงิน และแผนการตลาด
ในมุมของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กๆ คุณอาจมองว่าการทำการตลาดนั้นเป็นอะไรที่ยาก เพราะทุกๆ คนก็พยายามแข่งกันดึงความสนใจลูกค้ากันหมด มันจึงยากที่ธุรกิจเล็กๆ อย่างเราจะโดดเด่นแตกต่างออกมาจากคนอื่นๆ ได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนจัดการแผนการตลาดด้วยตนเอง หรือว่ามีฝ่ายการตลาดในบริษัท กลยุทธ์การตลาดบางอย่างก็ช่วยเพิ่มการรับรู้ของลูกค้า และเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับแบรนด์ได้
มาดูกันว่าทั้งกลยุทธ์ 10 นั้นมีอะไรบ้าง
1. รู้ว่าจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างไร
เวลาที่ SMEs จะทำการตลาด มันจำเป็นอย่างมากที่จะกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ใช่ เมื่อคุณพัฒนากลยุทธ์ที่จับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คุณก็จะสามารถเข้าถึงคนจำนวนมากที่มีแนวโน้มจะสนใจสิ่งที่คุณต้องการจะนำเสนอ โดยอาจจะเริ่มจาก
● รู้ตลาดเป้าหมาย
● กำหนดความแตกต่างของตนเอง
● ศึกษาคู่แข่ง
● สร้าง buyer personas (ลักษณะของผู้ที่ซื้อสินค้าเรา)
● รู้จักใช้ข้อมูลประชากรเชิงลึก
● แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นส่วนๆ
● ใช้ข้อความทำการตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม
● อย่าลืมทำการตลาดออฟไลน์
2. ใช้ประโยชน์จากการส่งอีเมลการตลาดให้มากที่สุด
การส่งอีเมลไปหาลูกค้า เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าที่มีศักยภาพได้ และลูกค้ากลุ่มนั้นก็มักจะมีแนวโน้มที่คุ้นเคยกับธุรกิจของคุณอยู่แล้ว
● เริ่มต้นด้วยการลิสต์ลูกค้าที่มีศักยภาพ
● ศึกษาบริษัทลูกค้าเป้าหมาย และหาว่าใครคือผู้มีอำนาจตัดสินใจในบริษัทนั้นๆ
● ร่างอีเมลเพื่อแนะนำธุรกิจของคุณ และอธิบายว่าทำไมคุณถึงคิดว่าบริษัทที่คุณติดต่อไปจะเหมาะกับสินค้าหรือบริการของคุณ
● ส่งอีเมลและโทรไปติดตามอีกครั้งถ้าจำเป็น
● ติดตามผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับกลยุทธ์ในครั้งต่อไป
3. โฆษณาธุรกิจออนไลน์
มีกลยุทธ์โฆษณาหลายอย่างที่คุณสามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์เหล่านั้นต้องเกิดประสิทธิภาพต่อธุรกิจด้วย และถ้าอยากจะหากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ คุณควรจะต้องทำรีเสิร์ชและพยายามหาเทคนิคที่แตกต่าง
หนึ่งในเทคนิคการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ การโฆษณาผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยใช้แพลตฟอร์ม Facebook, Twitter, และ LinkedIn เพื่อโปรโมท ซึ่งจะแค่โพสต์เกี่ยวกับธุรกิจของคุณบนโซเชียลมีเดีย หรือสร้าง Ads ที่ระบุกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเลยก็ได้
เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช่โทรศัพท์มือถือกันเป็นหลัก การโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย หรือ Google Ads จึงอาจเป็นวิธีการทำการตลาดได้ดีกว่าการส่งอีเมลไปหาลูกค้าตรงๆ เพราะอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวเชื่อมให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปากไปเองโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยไปตามหาลูกค้าเป็นรายๆ
4. ใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อสร้าง Brand Awareness
อย่ามองข้ามพลังของอินฟลูเอนเซอร์ เพราะอินฟลูเอนเซอร์เป็นคนที่มีผู้ติดตามในโลกออนไลน์จำนวนมาก คนเหล่านี้สามารถชี้นำความคิดของเหล่าผู้ติดตามได้ นั่นหมายถึงว่าหากอินฟลูเอนเซอร์โปรโมทสินค้าหรือบริการของคุณ ผู้ติดตามของพวกเขาก็จะเห็นเป็นจำนวนมาก
หากอยากร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ มีด้วยกัน 2 วิธี วิธีแรกเลยคือติดต่อไปตรงๆ เพื่อขอให้มาร่วมแคมเปญโปรโมท หรืออีกทางหนึ่งคือการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทเอเจนซี่ เพื่อให้ช่วยหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ตรงและเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณ
5. เชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นๆ ใกล้เคียง
เวลาคุณเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกันกับคุณ คุณสามารถแชร์ทรัพยากรต่างๆ และช่วยกันโปรโมทซึ่งกันและกันได้ หรืออาจจะ Collab ร่วมกันเพื่อสร้างแคมเปญ หรือกิจกรรมอะไรสักอย่างก็ได้
เริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าของธุรกิจคนอื่น หาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจ สัมมนาออนไลน์
6. เสนอสิ่งจูงใจและส่วนลดให้ลูกค้า
อาจจะลดราคา ให้ของแถม หรือออกโปรแกรมสมนาคุณให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเสนอเป็นสิ่งจูงใจและส่วนลด แต่ต้องแน่ใจว่าสิ่งที่คุณจะให้ลูกค้านั้นเป็นสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ และมองว่ามีคุณค่าจริงๆ
7. สร้างลิสต์อีเมลลูกค้าเก็บไว้
สร้างลิสต์อีเมลนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ได้ใช้เวลาหรือความพยายามอะไรมากมาย แต่มันจะเป็นสิ่งที่ช่วยคุณได้อย่างมากในอนาคต หากต้องการเข้าถึงฐานลูกค้าเก่าๆ
8. Automated Marketing
แน่นอนว่าในแต่ละวันของเจ้าของธุรกิจ SMEs มีงานให้ต้องทำมากมายเต็มไปหมด โดยเฉพาะในช่วงเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ดังนั้นการมีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ก็จะเข้ามาช่วยลดปัญหาสุดปวดหัวนี้ไปได้มาก ทำให้งานมีประสิทธิภาพและการสื่อสารในองค์กรราบรื่นขึ้น
ระบบอัตโนมัติจะช่วยให้คุณและทีมประหยัดเวลาสำหรับงานที่ต้องทำซ้ำๆ เดิมๆ แล้วเอาเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันดีกว่า
ตัวอย่างงานที่ใช้ระบบอัตโนมัติทำได้
- ทำตารางคอนเทนต์สำหรับลงโซเชียลมีเดีย
- อีเมลการตลาด
- SMS แจ้งเตือน (สมมนาคุณลูกค้า, ส่วนลด, แจ้งเตือนการจัดส่งสินค้า)
9. ลงทุนใน Search Engine Optimization (SEO)
การทำ Search Engine Optimization หรือ SEO เป็นการทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณปรากฏอยู่ในหน้าแรกๆ ของการค้นหา การลงทุนใน SEO จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาลำดับของเว็บไซต์ให้ขึ้นมาอยู่บนๆ และมีผู้เข้าชมได้มากขึ้น
เทคนิคการทำ SEO นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี คุณต้องเลือกให้ถูกกับธุรกิจของคุณ หากคุณมีงบจำกัดคุณอาจจะใช้เครื่องมือเช่น Google AdWords หรือ Facebook Ads ก็ได้ ก็จะช่วยให้คุณได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด และประหยัดต้นทุนค่าทำการตลาดไปได้อีกมาก
แต่ถ้าคุณมีงบทำการตลาดอีกสักหน่อย อาจจะลองใช้เครื่องมือ SEO เหล่านี้ดูก็ได้
● Semrush
● SE Ranking
● Ahrefs
● Surfer
● RankIQ
10. เขียนบล็อกเกี่ยวกับเทรนด์และกิจกรรมล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
การเขียนบล็อกเป็นวิธีที่ดีที่จะเชื่อมโยงกับลูกค้าและแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เมื่อคุณเขียนบล็อกเกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุด ข่าว และกิจกรรมที่เกี่ยวกับธุรกิจ จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าเก่าๆ
https://www.entrepreneur.com/growing-a-business/10-small-business-marketing-strategies-that-actually-work/414273