จากเหตุการณ์การระบาดของ COVID–19
ในประเทศจีนและแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้แต่เดิมนั้นคาดการณ์ว่าราคาทุเรียนในปีนี้มีแนวโน้มที่จะลดลง แต่เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดพบว่าราคาทุเรียนไทยไม่ได้ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้น
และมีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีนยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าร้อยละ 90
อ้างอิงรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว ที่ระบุว่า ในขณะที่การค้าทุเรียนระหว่างไทยจีนกำลังไปได้สวย แต่ด้านความหวังของการส่งออกของทุเรียนเวียดนามในวันนี้อาจจะยิ่งแย่ลง เนื่องจากก่อนหน้านี้เวียดนามได้ถูกยกเลิกการค้าทุเรียนในตลาดจีนเป็นการชั่วคราว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้การส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งของไทยมีมูลค่า
8,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
25.78 โดยส่งออกมายังตลาดจีนเป็นอันดับหนึ่งคิดเป็นมูลค่า 5,685 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90 โดยมูลค่าส่งออกทุเรียนไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลัก
เนื่องจากความต้องการและการแข่งขันในการนำเข้าของผู้นำเข้าและนักธุรกิจจีนจำนวนมาก
ซึ่งในจำนวนนี้พบว่าเป็นผู้ซื้อและผู้นำเข้ารายใหม่กว่า
300 ราย
โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อช่วยในการจำหน่ายภายในประเทศได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่า ราคาขายส่งทุเรียน ณ สวนทุเรียนในจังหวัดจันทบุรีและตราดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น
105 – 110 บาทต่อกิโลกรัม
และราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 150 – 170 บาทต่อกิโลกรัม
เนื่องจากตลาดจีนมีขนาดใหญ่และความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
ทำให้ราคาทุเรียนไทยปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ โดยข้อมูลจาก Huanqiu.com
ที่ระบุว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 จีนนำเข้าทุเรียนเป็นจำนวน 358,000 ตัน
หรือคิดเป็นมูลค่า 6,800 ล้านหยวน
ซึ่งมากกว่าสองเท่าของปริมาณและมูลค่าการนำเข้าผลไม้สดตลอดทั้งปี 2018
ผลพวงจากจีนระงับทุเรียนจากเวียดนาม
ดังนั้นประเทศไทยจึงได้รับประโยชน์จากตลาดทุเรียนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก โดยพ่อค้าคนกลางจีนมักจะเดินทางไปสั่งซื้อถึงสวนทุเรียนก่อนฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในขณะที่ความต้องการทุเรียนไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
แต่อีกด้านหนึ่งชาวสวนทุเรียนเวียดนามต่างรอคอยความหวังที่ตลาดจีนจะเปิดตลาดอีกครั้ง
โดยในช่วงต้นปี 2019 จีนได้ระงับการค้าทุเรียนทางชายแดนจีน-เวียดนามเป็นการชั่วคราว
เนื่องจากตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 จีนเริ่มกำหนดกฎระเบียบและข้อกำหนดที่เข้มงวด สำหรับผลไม้เวียดนามที่ส่งออกไปยังประเทศจีนผ่านทางช่องชายแดน
โดยจีนกำหนดให้มีการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ (Traceability Products) โดยต้องมีรหัสพื้นที่ปลูก
(Planting area code) และรหัสสถานที่บรรจุ
(Packing facility code) ซึ่งเป็นข้อกำหนดสองประการสำหรับการส่งออกผลไม้สดอย่างเป็นทางการไปยังประเทศจีน
โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2019 พบว่ามีผลไม้เวียดนามเพียง 9 ชนิด
(แก้วมังกร แตงโม ลำไย กล้วย มะม่วง มะม่วง ขนุน เงาะ และมังคุด)
ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปยังประเทศจีน โดยมีการออกรหัสพื้นที่ปลูก 1,300 รหัส
และรหัสบรรจุภัณฑ์มากกว่า 1,435
รหัส
จากมาตรการที่เข้มงวดดังกล่าว ทำให้ทุเรียนเวียดนามไม่สามารถเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างคล่องตัวเป็น ระยะเวลาเกือบปีเศษ
เนื่องจากทุเรียนกว่าร้อยละ 70 ของปริมาณการผลิตทุเรียนทั้งหมดของเวียดนาม จะส่งออกต่างประเทศเข้าสู่ตลาดจีนผ่านทางการค้าชายแดน
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของทุเรียนไทยในตลาดจีน จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกทุเรียนเวียดนามไปยังประเทศจีนต่อไป
ประกอบกับเกิดภัยพิบัติและผลกระทบจากการรุกรานของน้ำทะเลเข้าสู่สวนทุเรียนเวียดนามในบางพื้นที่
ทำให้ราคาทุเรียนเวียดนามปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ของเกษตรกร ก็ยิ่งทำให้ทุเรียนเวียดนามไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ด้านราคาในตลาดต่างประเทศ
โดยราคาทุเรียนเวียดนามเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 เมื่อจีนปิดประตูการค้าทุเรียนเวียดนามทางชายแดน
ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ ทำให้ทุเรียนเวียดนามต้องหันไปพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกามากขึ้น
ในขณะที่ความต้องการของตลาดสหรัฐน้อยกว่าความต้องการของตลาดจีน
ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโรค COVID–19 ในสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะวิกฤต
ทำให้การส่งออกทุเรียนเวียดนามไปสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญต่อความกดดัน
และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในตลาดส่งออกปลายทาง
ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกทุเรียนเวียดนามในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ดีมานด์กลับมาทุเรียนไทยส่งออกพุ่ง
อย่างไรก็ตามผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทย
และแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย เมื่อพิจารณาจากสถิติการส่งออกเฉพาะทุเรียนสด ซึ่งไม่รวมทุเรียนแช่แข็ง จากประเทศไทยไปจีนในช่วงไตรมาสแรกของปี
2020 คิดเป็นปริมาณ
50,213 ตัน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.26
(YoY) เมื่อพิจารณาปริมาณการส่งออกทุเรียนสดไทยไปยังจีนที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับราคาส่งออกทุเรียนสดไทยในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ก็ยิ่งทำให้มูลค่าการส่งออกทุเรียนสดไทยไปยังจีนสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย
แต่ถึงแม้ว่าราคาทุเรียนสดไทยในตลาดจีนปีนี้จะมีราคาสูงขึ้น แต่ชาวสวนทุเรียนไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ควรชะล่าใจ และควรเฝ้าติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุเรียนสดไทยให้ได้คุณภาพและมาตรฐานตามข้อกำหนดของตลาดจีน รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกในสถานการณ์ที่อาจผันผวนต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้เพื่อให้ไทยสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดทุเรียนสดในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนต่อไป