หรือนี่จะเป็นตอนอวสานของอาชีพประมงไทย

SME Update
07/09/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 5138 คน
หรือนี่จะเป็นตอนอวสานของอาชีพประมงไทย
banner

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่อาชีพการประมงกำลังจะหายไปจากประเทศไทย เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อกำหนด-บทกฎหมาย IUU ที่ว่าด้วยเรื่องการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม โดยล่าสุดสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง การเลิกอาชีพประมง ลงเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า มติที่ประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ชาวประมง 22 จังหวัด ประกาศ “ขอยกเลิกอาชีพประมง” ตลอดระยะเวลามากกว่า 6 ปีที่ผ่านมา

นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2558 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายพุ่งเป้าไปสู่ภาคประมงเพื่อการแก้ไขปัญหา IUU ที่ว่าด้วยเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม พร้อมทั้งได้นำประเด็นปัญหาการค้ามนุษย์มาทับซ้อนในการแก้ไข ซึ่งนำไปสู่การออกพระราชกำหนดการประมง รวมทั้งการออกกฎหมายระเบียบต่างๆ ในหลายหน่วยงาน มาบังคับใช้กับชาวประมงเป็นจำนวนมาก โดยไม่สนใจเรื่องความอยู่รอดของชาวประมง ซึ่งการออกกฎหมายโดยขาดการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย การเร่งบังคับใช้กฎหมายแบบไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น จนชาวประมงในหลายๆ ภาคส่วนเริ่มอยู่ต่อไม่ได้ แม้จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

ดังนั้นชาวประมงจำเป็นต้องเลิกอาชีพ หากรัฐบาลยังคงปฏิบัติต่อชาวประมงดังเช่นทุกวันนี้ ไม่ให้ชาวประมงได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นหรือไม่ยอมรับความคิดเห็นของชาวประมง  และรัฐบาลต้องชดใช้ เยียวยา ด้วยการรับซื้อเรือประมงไปพร้อมทั้งเครื่องมือทำประมงในราคา 100% เพราะมาตรการนโยบายของรัฐได้ทำลายอาชีพของชาวประมงทั้งประเทศโดยไม่ได้รับการเหลียวแล

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

 

บทบาทความสำคัญของประมงไทย

การประมงไทยเป็นอาชีพที่อยู่คู่วิถีชาวบ้านพื้นถิ่นริมน้ำ-ชายทะเลมาตั้งแต่อดีตก่อนประวัติศาสตร์ โดยใช้ภูมิปัญญาและเครื่องมือที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น แห อวน ข่าย ยอ ฯลฯ ก่อนจะมีการเข้าสู่การประมงเชิงพาณิชย์ อย่างในปัจจุบัน ซึ่งย้อนไปในอดีตการประมงทางทะเลมีความสำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจประเทศไทย และประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาการประมงจนสามารถติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกที่มีผลผลิตสูง และยังติดอันดับต้นๆ ของผู้ส่งออกสินค้าประมงมาตั้งแต่ปี 2535 โดยผลผลิตมวลรวมในสาขาประมงมีมูลค่า 98.9 พันล้านบาท คิดเป็น 11.87% ของผลผลิตมวลรวมของภาคเกษตร หรือร้อยละ 1.27 ของผลผลิตมวลรวมของประเทศในปี 2549 และในปี 2551 ผลผลิตมวลรวมของประเทศของภาคประมงมีมูลค่า 105,977 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือร้อยละ 10.0 ของผลผลิตมวลรวมของภาคเกษตร  

กิจกรรมประมงเกี่ยวข้องกับคนไทยจำนวนมากในหลายกิจกรรม โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งหรือบริเวณใกล้เคียง นับเป็นหมู่บ้านได้มากกว่า 2,000 หมู่บ้าน มีครัวเรือนที่ทำประมงทะเลตามข้อมูลของสำมะโนประมงทะเลปี 2543 จำนวน 55,981 ครัวเรือน และมีตลาดแรงงานรองรับซึ่งสำรวจในปี 2543 ถึง 826,657 คน โดยอยู่ในภาคของประมงทะเล 161,670 คน เป็นผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง 77,870 คน อยู่ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับการประมง 183,100 คน ที่เหลืออยู่ในภาคของผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด

ในช่วงปี 2538-2542 ผลผลิตทางประมงมีแนวโน้มลดลงร้อยละ 6.6  ต่อปี จากที่เคยจับได้ในปี 2538 ปริมาณ 1.92 ล้านตัน เหลือ 1.42 ล้านตันในปี 2542 ลดลงทั้งจากการทำประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ซึ่งผลผลิตช่วงดังกล่าวร้อยละ 91 ได้จากประมงพาณิชย์ ที่เหลือได้จากประมงพื้นบ้าน โดยเป็นผลผลิตที่ได้จากอ่าวไทยร้อยละ 63 ที่เหลือได้จากทะเลอันดามัน องค์ประกอบของสัตว์ทะเลที่จับได้จากประมงพาณิชย์เป็นปลาที่ใช้บริโภคร้อยละ 55 รองลงมาเป็นปลาเป็ดร้อยละ 35 ซึ่งเป็นลูกสัตว์น้ำเศรษฐกิจปนอยู่มากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนปลาเป็ดทั้งหมด ปลาหมึกร้อยละ 5 กุ้งร้อยละ 5 ที่เหลือเป็นปูและหอยอีกร้อยละ 1 ส่วนการทำประมงในแหล่งน้ำจืดจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเป็นการทำแบบประมงพื้นบ้าน มีผลผลิตประมาณปีละ 215,000 ตัน

ข้อมูลจาก FAO (TheState of World Fisheries and Aquaculture, 2016) ปี2557 ระบุว่าไทยติดอันดับ 1 ใน 20 ของการประมงโลก โดยสามารถผลิตสัตว์น้ำได้ประมาณ 2.70 ล้านตัน ประกอบด้วยผลผลิตสัตว์น้ำจากการจับจากธรรมชาติ1.77 ล้านตัน และจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 0.93 ล้านตัน สำหรับปี 2559 ไทยมีผลผลิตสัตวน้ำจากการจับประมาณ 1.74 ล้านตัน และจากการเพาะเลี้ยง 0.91 ล้านตัน รวม 2.65 ล้านตัน ซึ่งหากคิดเป็นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภาคประมง ณ ราคาประจำปี 2559 จะมีมูลค่า 111,343 ล้านบาท คิดเป็น 9.28% ของ GDP ภาคเกษตร หรือ 0.78% ของ GDP รวมของประเทศ

 

ปมปัญหาประมงไทยกับอียู

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวในส่วนหนึ่งของการแถลงทิศทางประมงไทยในปี 2563 ว่า การจัดการประมงอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานทางวิชาการที่ผ่านมา มีอุปสรรคในการขับเคลื่อนของภาคทะเลเป็นหลัก  โดยเฉพาะการที่เราก้าวข้าม IUU ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน กรมประมงได้ออกมาตรการเพื่อให้ภาคการประมงทะเลมีการทำประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายตามมาตรฐานสากล หลังจากเปิดกว้างให้ชาวประมงในการหาทรัพยากร ซึ่งบางครั้งบางเครื่องมือไม่มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างเช่น อวนลอย อวนจับ ช่องตาอวนต้องไม่ต่ำกว่า 2.5 เซนติเมตรเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ทำลายปลาตัวเล็กตัวน้อย ขณะที่บางเครื่องมือต้องห้ามเด็ดขาดอย่าง เช่น อวนรุน อวนลาก และอวนล้อมปลากะตัก แต่หลังจากมี IUU เข้ามาทำให้มีการปรับเปลี่ยนการทำประมงเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ความอยู่รอดของทรัพยากรทางทะเล ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดการทำประมง ซึ่งปัจจุบันได้มีการแบ่งทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลตามค่าเอ็มเอสวาย บนพื้นฐานเครื่องมือที่มี อย่างฝั่งอ่าวไทย อวนลากใช้ได้ 220 วันต่อปี ขณะที่ฝั่งอันดามัน 240 วันต่อปี

ประเทศไทยนั้นถูกสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศให้ใบเหลืองหลังจากมีปัญหาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU) มาตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2558 ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยแก้ปัญหาทั้งการควบคุมการทำประมง การออกกฎหมายและการดูแลแรงงานประมง และได้รับการปลดล็อคเป็นใบเขียวไปเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562  โดยในปี 2557 ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าประมงไปอียูเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีมูลค่าการส่งออกปลา กุ้ง ปลาหมึก และอาหารทะเลแปรรูปไปยังอียูสูงถึง 761 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็น 12 % ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงโดยรวมของไทย กว่า 58 % ของผลิตภัณฑ์ประมงที่ไทยส่งออกไปยังอียู เป็นอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารกระป๋องโดยส่วนใหญ่เป็นทูน่ากระป๋องและกุ้งแปรรูป ด้วยการประมงไปอียูมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง จึงทำให้ไทยเล็งเห็นความสำคัญมีการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายตามหลักสากล การกำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดสรรใบอนุญาตทำการประมง เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีการทำประมงมากขึ้น การจัดตั้งกองทุนประมงแห่งชาติ การขึ้นทะเบียนเรือประมง ตลอดจนการส่งเสริมตลาดนำการผลิต เป็นต้น โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ

ดังนั้นภาคการประมงจึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันเศรษฐกิจและจีดีพีของไทย หากวันหนึ่งอาชีพประมงและเรือประมงจะหายไปจากประเทศไทย ย่อมต้องเกิดการสูญเสียรายได้ครั้งใหญ่และได้รับผลกระทบต่อสังคมเศรษฐกิจในวงกว้าง อันเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขและดำเนินการตามคำเรียกร้องของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางร่วมกัน โดยที่ไม่เป็นการสร้างแรงกดดันให้คนทำอาชีพประมงหายไปจากประเทศไทยจริงๆ  

 

แหล่งอ้างอิง

https://sites.google.com/

https://www.fisheries.go.th/

http://www.mkh.in.th/

https://th.wikipedia.org/ 



สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 


อุตสาหกรรมไทยกับการฟื้นตัวจากพิษโควิด 19

ดันโครงการภาคเกษตร-ประมงใน EEC ด้วยเทคโนโลยี


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Personal Branding สําหรับเจ้าของธุรกิจ SME: ทําอย่างไรให้คุณเป็นที่จดจําในวงการธุรกิจ

Personal Branding สําหรับเจ้าของธุรกิจ SME: ทําอย่างไรให้คุณเป็นที่จดจําในวงการธุรกิจ

กระแสการเติบโตของอินฟลูเอนเซอร์และสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้แนวคิดเรื่อง Personal Branding ถูกนำมาพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกครั้ง เพราะในวันนี้ที่โลกมีคนเก่งเกิดขึ้นมากมาย…
pin
5 | 17/04/2025
สาย SME ต้องรู้ไว้! AI คืออะไร ทำงานอย่างไร พร้อมตัวอย่าง AI สำหรับใช้ปั้นธุรกิจให้โต

สาย SME ต้องรู้ไว้! AI คืออะไร ทำงานอย่างไร พร้อมตัวอย่าง AI สำหรับใช้ปั้นธุรกิจให้โต

แนวโน้มการใช้ AI และประโยชน์ต่อการเติบโตของ SMEในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามาสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อธุรกิจ…
pin
5 | 16/04/2025
ทรัมป์ขึ้นภาษี 37% กระทบอะไรบ้าง และ SME ไทยต้องปรับตัวยังไง?

ทรัมป์ขึ้นภาษี 37% กระทบอะไรบ้าง และ SME ไทยต้องปรับตัวยังไง?

Topic Summary: นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อการค้าโลก มาดูกันว่าเหตุการณ์นี้กระทบ…
pin
7 | 11/04/2025
หรือนี่จะเป็นตอนอวสานของอาชีพประมงไทย