‘ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-เกล็ดเลือดต่ำ’ เรื่องควรรู้หลังฉีดวัคซีน
สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ยังไม่มีทีท่าจะจบลงในระยะเวลาอันใกล้ วัคซีนโควิด 19 จึงเป็นความหวังสูงสุดในการหยุดโรคร้ายนี้ โดยประเทศไทยได้เริ่มการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนโควิด 19 เป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นการที่ประชาชนมีความเข้าใจและสังเกตอาการตนเอง เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด 19 และหากเกิดอาการจะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ลิ่มเลือดและภาวะการเกิดลิ่มเลือดคืออะไร
เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง?
การเกิดลิ่มเลือดเป็นกลไกการตอบสนองของร่างกาย
ในภาวะเมื่อเรามีบาดแผลเกิดขึ้น
เกล็ดเลือดจะทำหน้าที่รวมกลุ่มกันจนกลายเป็นลิ่มเลือดเพื่อทำให้เลือดหยุด
ส่วนสาเหตุการเกิดลิ่มเลือดอุดตันนั้น เกิดจาก 3 องค์ประกอบ
ได้แก่
- ผนังหลอดเลือดผิดปกติ
เช่น เกิดบาดแผลจากของมีคม การผ่าตัดทำหัตถการอาจทำให้หลอดเลือดบางส่วนเสียหาย
หรือแม้แต่การเกิดลิ่มเลือดจากภาวะไขมันเกาะผนังเส้นเลือด
- การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ
เช่น การไหลเวียนเลือดช้าลง
เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวอาจเกิดการอุดตันจนเกิดลิ่มเลือดในที่สุด
- การแข็งตัวของเกล็ดเลือดผิดปกติ
เช่น การขาดสารต้านการแข็งตัวของเลือด (anti-coagulation factors)
หรือร่างกายขาดโปรตีนในการยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย
ปกติภาวะลิ่มเลือดอุดตันพบในกลุ่มประชากรสูงวัยมากกว่าในอายุน้อย และส่วนใหญ่จะพบลิ่มเลือดอุดตันในบริเวณขาและปอด
2. ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำภายหลังฉีดวัคซีนคืออะไร?
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำจากวัคซีน
หรือ Vaccine-Induced
immune Thrombotic Thrombocytopenia (VITT) มีการรายงานครั้งแรกในทวีปยุโรปหลังผู้ป่วยได้รับวัคซีนโควิด
19 และการอุดตันของลิ่มเลือดจะเกิดในตำแหน่งที่พบน้อยกว่าการเกิดลิ่มเลือดด้วยสาเหตุอื่นๆ
เช่น หลอดเลือดดำในสมองหรือในช่องท้อง นอกจากนั้นยังมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำร่วมด้วย
ซึ่งจะคล้ายกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำและหลอดเลือดอุดตันในผู้ป่วยที่ได้รับเฮปาริน (heparin)
หรือเรียกว่า heparin-induced thrombocytopenia (HIT) แต่ภาวะ VITT เกิดขึ้นในคนไข้ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19
ซึ่งไม่มีประวัติการได้รับเฮปาริน
3. ลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนโควิด
19 มีอาการอย่างไร?
เนื่องจากลิ่มเลือดสามารถเกิดได้ในหลายบริเวณของร่างกาย
ดังนั้นอาการที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอวัยวะที่ลิ่มเลือดไปอุดตัน เช่น ‘ในปอด’ จะมีอาการเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ
หายใจไม่อิ่มและเหนื่อยง่าย, ‘บริเวณขา’ จะเกิดอาการขาบวมข้างเดียว, ‘ในท้อง’ จะเกิดอาการปวดท้องรุนแรง, ‘ส่วนในอวัยวะที่สำคัญต่อชีวิต (Vital Organs)’
เช่น เส้นเลือดสมองจะเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง เมื่อไอ จาม จะปวดมากขึ้น
และอาจมีภาวะอ่อนแรง ชาซีกเดียวคล้าย Stroke ได้
4. วัคซีนโควิด 19 ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้อย่างไร?
ปัจจุบันสาเหตุการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากวัคซีนโควิด
19
ยังไม่ทราบแน่ชัด แพทย์และผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า
เป็นผลจากวัคซีนโควิด 19 ไปเพิ่มการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
และภูมิคุ้มกันดังกล่าวนี้กระตุ้นการทำงานของเกล็ดเลือด เกิดเป็นลิ่มเลือดไปอุดเส้นเลือดในอวัยวะต่างๆ
นอกจากนั้นยังทำให้ปริมาณเกล็ดเลือดในร่างกายลดลง เนื่องจากเกล็ดเลือดส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้การสร้างลิ่มเลือดในขึ้นตอนแรก
ซึ่งในปัจจุบันไม่พบภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดอื่นใด
นอกจากพบในผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนโควิด 19
5. ลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนพบบ่อยแค่ไหน
ท่านใดบ้างที่ต้องระวัง?
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำจากวัคซีน
หรือ Vaccine-Induced
immune Thrombotic Thrombocytopenia (VITT) เกิดขึ้นได้ในอัตราส่วน 1:125,000
- 1:1,00,000 กล่าวคือ ในผู้รับวัคซีน 1 ล้านคน
จะพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด 19 จำนวนเฉลี่ย 3.6
คน (ข้อมูลวันที่ 8 มิถุนายน 2564) และส่วนใหญ่พบในหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 55 ปี
ซึ่งอุบัติการณ์ถือว่าน้อยมากและประโยชน์จากการฉีดวัคซีนมีมากกว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามข้อมูลในประเทศไทยยังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทางสถิติภาวะ VITT
กับการได้รับวัคซีนชนิดต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติให้ฉีดในไทย
เนื่องจากการฉีดวัคซีนในประเทศเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น
6. สังเกตอาการได้อย่างไรว่ามีอาการลิ่มเลือดอุดตัน?
หลังฉีดวัคซีนโควิด 19
เป็นเวลา 30 นาที ผู้ได้รับวัคซีนอาจจะมีไข้ต่ำๆ
หรือปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย มีผื่นเล็กน้อย อาการเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 2-3
วัน ส่วนอาการลิ่มเลือดอุดตันจะเกิดในช่วงเวลา 5-42 วันหลังได้รับวัคซีน โดยหากท่านใดมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง
แขนขาชา หรือ อ่อนแรง หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตามัว เห็นภาพซ้อน ซัก
เหนื่อยง่าย หายใจลำบากหรือติดขัด เจ็บแน่นหน้าอก ขาบวมแดงหรือซีดเย็น
ปวดท้องหรือปวดหลังรุนแรง
ให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุและรักษาในสถานพยาบาลที่ท่านรักษาตัวเป็นประจำ
7. เมื่อเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ
แพทย์จะรักษาอย่างไร?
หากผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำร่วมกับค่าสารบ่งชี้ทางชีวภาพ
d-dimer
สูง ซึ่งจากการสลายของโปรตีนไฟบริน
หรือมีเกล็ดเลือดต่ำร่วมกับลิ่มเลือดอุดตันภายใน 5-42 วันหลังฉีดวัดซีนโควิด
19 เนื่องจากการตรวจยืนยันภาวะ VITT ต้องทำในห้องปฏิบัติการที่ซับซ้อน
ระหว่างรอผลวินิจฉัย แพทย์จะให้สารอิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำ (intravenous
immunoglobulin, IVIG) และอาจให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ เช่น methylprednisolone
หรือ prednisolone นอกจากนั้นแล้วแพทย์อาจให้ยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด
หรืออาจรักษาด้วยวิธีแลกเปลี่ยนพลาสมา
การดำเนินชีวิตประจำวันภายใต้การระบาดของโควิด
19
เป็นไปด้วยความยากลำบาก วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จึงเป็นความหวังในการคืนวิถีชีวิตปกติใหม่ ซึ่งแม้ว่าวัคซีนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงในผู้รับการฉีดบางราย
แต่เนื่องจากผลข้างเคียงพบได้น้อยมาก หากเรารู้เท่าทันผลข้างเคียงที่รุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
ตื่นตัว ตระหนักแต่ไม่ตระหนก เฝ้าสังเกตอาการเหล่านี้อยู่เสมอ
เราจะอยู่รอดปลอดภัยจากผลข้างเคียงของการได้รับวัคซีนโควิด 19 ได้
แหล่งอ้างอิง :
https://pharmacy.mahidol.ac.th