เคยถามตัวเองมั้ย ?
คุณจะหยุดทำงานตอนอายุเท่าไหร่?
อยากประสบความสำเร็จในเวลาไหน
จะมีอายุขัยอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่?
ข้อแรกและข้อที่สอง คงพอจะตอบกันได้
แต่ข้อสามนี่ใครจะไปรู้ ดังนั้นในเมื่อเราไม่สามารถกำหนดอายุไขของเราเองได้
ก็ต้องขอยืมคำกล่าวสวยๆที่ว่า ‘ทำทุกวันให้เหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้’ มาใช้
ทำทุกวันให้ดีที่สุดนั่นแหละ!
ทราบหรือไม่ว่า มนุษย์หิน
ซึ่งเคยมีอยู่ในโลกเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยจากเกิดจนตายอยู่ในช่วงอายุเพียง
26 ปี มนุษย์ยุคนั่นเริ่มใช้เครื่องมือหินแบบหยาบๆ อาศัยในถ้ำในป่า
หากินจากการล่าสัตว์ ใครอายุเกิน 30 ปีก็ถือว่าอายุยืนยาวมากแล้ว
ขณะที่ค่าเฉลี่ยอายุคนในปัจจุบันสำหรับคนไทยมีค่าเฉลี่ยราว 70 ปี ยาวนานมากกว่ามนุษย์ยุคหิน 3 เท่า ทำให้รู้สึกว่าช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดทันในยุคที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย การแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องนอนถ้ำเหมือนสมัยยุคหิน!
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในขณะที่รู้สึกซาบซ่านในใจเพียงลำพัง ก็คิดเลยเถิดไปถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
‘The Intern’ เข้าฉายเมื่อปี
2015 เรื่องราวของ เบน วิทเทคเคอร์ (แสดงโดย เดอ นีโร )พ่อม่ายวัย 70 ปี
ที่เบื่อหน่ายกับชีวิตเกษียณหลังจากที่ทดลองทำมาแทบทุกอย่างแล้ว แต่ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าของชีวิต
ขาดการเติมเต็ม
เรื่องราวปูมาในตอนต้นก็แอบงง
...คนอายุใกล้ฝั่งปานนั้นจะเอาอะไรอี๊กกกกกละครับพ่อเฒ่า
เบน โตมาในยุคอนาล็อก ทำงานในบริษัทสมุดหน้าเหลือง
40 ปี เกษียณใช้ชีวิตวันหนึ่งภรรยาตายจาก และทำทุกอย่างที่อยากทำจนอายุ 70
ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นคนที่โชคดีมากแล้ว แต่ เบน เลือกที่จะเซ็ตศูนย์ตัวเองใหม่
โดยการไปขอฝึกงานในบริษัทขายเสื้อผ้าออนไลน์ ของเจ้านายสาวแสนสวยทำงานเก่ง ‘จูลส์ ออสติน’ (แสดงโดยแอนน์ แฮทธาเวย์)
เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
แต่ไม่น่าเบื่อ ทำนองพ่อเฒ่าเบนวัย 70 ไปเรียนรู้งานกับเด็กคราวลูก
ที่เผชิญปัญหาการเติบโตที่รวดเร็วของธุรกิจจนต้องพยามหาคนมาช่วยบริหาร
ด้วยเรื่องช่องว่างระหว่างวัย
ช่วงแรกก็ไม่เข้าใจกัน แต่ความเป็นผู้ใหญ่ที่เฟรนลี่และมีแนวคิดเชิงบวกตามแบบฉบับคนอาบน้ำร้อนน้ำเย็นมาก่อน
ทั้งเบนและจูลส์ จึงกลายเป็นเจ้านายลูกน้องที่เกื้อกูลกันได้อย่างเหลือเชื่อระหว่างคนสองเจน
เบน คือคนเจนเบบี้ บูมเมอร์ ที่ผ่านโลกมาก่อน มีแนวคิดที่เปิดรับทั้ง
ประเด็นชีวิตคู่ การปรับตัวในสังคมใหม่ การเปิดใจ การตัดสินใจและเป้าหมายของชีวิต
ขณะที่จูลส์ คือสาวเจนมิลเลนเนียล โตมากับสมัยนิยม
เทคโนโลยีและความฉาบฉวย เหมือนจะแกร่งแต่ก็ผิดพลาดเยอะ
ดังนั้นตัวอย่างของเธอจึงเป็นตัวแทนของคนเจนเดียวกันได้ดี
อยากรู้ละสิว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ...ไม่สปอยให้ไปดูเอง
ประเด็นหลักที่หยิบยกภาพยนตร์เรื่องนี้มาเปรียบเทียบ คือมุมมองการใช้ชีวิตของเบน
เขาโชคดีมีคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกัน 40 ปี มีงานอดิเรกคือไปร่วมพิธีศพคนรู้จักที่ทยอยลาโลกไป
แต่ก็ไม่เคยจิตตก มีแววตาที่อบอุ่นแต่สะท้อนความเท่าทันของคนที่ใช้ชีวิตมายาวนาน
แถมยังทะมัดทะแมงพอที่จะค้นหาความรักครั้งใหม่กับใครสักคน
นี่คือเสน่ห์ของการมีชีวิต ...
บางที เราอาจต้องตั้งคำถามใหม่ อาจไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จ
อาจไม่ต้องหยุดทำงาน ไม่จำเป็นต้องหยุดเรียนรู้และปรับตัว และไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมาย
ยิ่งไม่ต้องทราบกฎเกณฑ์ของธรรมชาติว่าเราจะจากโลกนี้ไปตอนไหน
เพราะตราบเท่าที่เรามีชีวิต ทุกทางที่เราเดินผ่าน
ทุกเรื่องราวที่เคยพบ จะดีหรือร้ายมันก็คือร่องรอยของชีวิต ...
แถมโชคดีแค่ไหนแล้วที่ค่าเฉลี่ยอายุเรายังสูงกว่ามนุษย์ยุคหินตั้งสามเท่า !!!