กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน
อินเดียถึงแนวโน้มความต้องการเครื่องจักรกลทางการเกษตรในภาคเกษตรของอินเดียมีเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับกระแสการต่อต้านสินค้าจากจีนยังขยายวงกว้าง
ซึ่งเป็นโอกาสทางการตลาดของไทย
อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านการเกษตรของโลกมีผลผลิตภาคเกษตรหลากหลายประเภท เช่น ฝ้ายและเส้นใยธรรมชาติ พืชหัว ถั่วเมล็ดแห้ง มะพร้าว อ้อย พืชผักต่างๆ และเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีและข้าวรายสำคัญของโลก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
และขณะนี้อินเดียกำลังเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูกผลผลิตในภาคการเกษตร
ทำให้ต้องการเครื่องจักรกลการเกษตรโดยเฉพาะรถแทร็กเตอร์มากขึ้น และยังต้องการรถไถพรวน
เครื่องมือปักกล้า เครื่องเกี่ยวข้าว เครื่องตัดอ้อย เครื่องมือเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตร
และอุปกรณ์และชิ้นส่วนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ในช่วงการปิดประเทศช่วงโควิด-19
ส่งผลให้ภาคเกษตรของอินเดียได้รับความเสียหาย จากการขาดแคลนแรงงานเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว
ผลผลิตยังได้รับผลกระทบจากการระงับการขนส่ง และขณะนี้เป็นฤดูการผลิตใหม่จึงต้องเร่งเพาะปลูก
ทำให้มีความต้องการเครื่องไม้เครื่องมือที่จะนำไปใช้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียกำลังใช้นโยบายสนับสนุนเกษตรกร
ในการซื้อรถแทรกเตอร์และเครื่องจักรทางการเกษตรต่างๆ โดยให้การอุดหนุนร้อยละ 25
ของราคาเครื่องจักร
ทำให้มีความต้องการซื้อรถแทรกเตอร์และเครื่องจักรทางการเกษตรเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายตลาดรถแทรกเตอร์
เครื่องจักรเกษตรกร อุปกรณ์และชิ้นส่วนเครื่องจักร เข้ามาในตลาดอินเดีย
แม้อินเดียจะผลิตเครื่องจักรเกษตรอยู่แล้วแต่ยังมีความต้องการนำเข้าจากต่างประเทศ
โดยแหล่งนำเข้าหลักมาจากจีน อิตาลี ญี่ปุ่น และเยอรมนี ในช่วงปี 2562
มีการนำเข้ารวม 16.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 2 เดือนของปี 2563 (มกราคม–กุมภาพันธ์) ไทยเป็นแหล่งนำเข้าเครื่องจักรเกษตรอันดับที่ 5 ของอินเดียรองจากจีน
เดนมาร์ก อิตาลี และญี่ปุ่น
โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยยังกระจุกอยู่ในกลุ่มชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร
แต่ผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกรถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรเกษตรได้
ตอนนี้อินเดียนำเข้าเครื่องจักรเกษตรจากจีนเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากปัจจัยด้านราคา
แต่จากกระแสต่อต้านสินค้าจีนในอินเดียที่ขยายวงกว้างมากขึ้น จึงจะเป็นโอกาสให้กับประเทศต่างๆ
ที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับภาคเกษตรของอินเดีย และไทยมีศักยภาพในการผลิตเครื่องมือและเครื่องจักรเกษตรอยู่มาก
จึงควรพิจารณาขยายการส่งออกมายังอินเดียเพราะรูปแบบการผลิตภาคเกษตรคล้ายคลึงกับไทย
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกข้าว อ้อยพืชสวนพืชไร่ต่างๆ
อย่างไรก็ตาม
มีรายงานยอดจำหน่ายของบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรเกษตร เช่น
มหินทราแอนด์มหินทราโซนาลิกาแทร็กเตอร์ หรือเอสคอร์ต อะกริ แมชชินเนอรี
ต่างก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ในเดือนมิถุนายน 2563
โดยบริษัทมหินทราแอนด์มหินทรา ผู้ผลิตรถแทร็กเตอร์
และเครื่องจักรเกษตรอันดับหนึ่งของโลกจากอินเดีย
รายงานยอดขายรถแทร็กเตอร์และเครื่องจักรเกษตรในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 มียอดจำหน่าย
35,844 คัน ขณะที่บริษัท โซนาลิกา แท็กเตอร์ขายได้จำนวน 13,691 คัน และบริษัท เอสคอร์ต อะกริแมชชินเนอรี มียอดขายในช่วงเดียวกันจำนวน
12,623 คัน
กระแสอินเดียต่อต้านจีนนี่อาจแค่เพิ่งเริ่มต้น
เพราะอย่างที่เคยระบุไว้แล้วว่าที่ผ่านมาอินเดียต้องนำเข้าวัตถุดิบขั้นกลางของสินค้าจำเป็น
อาทิ สารประกอบในการผลิตยาซึ่ง 70% เป็นการนำเข้าจากจีน รวมถึงเวชภัณฑ์
ปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ
ชิ้นส่วนของเครื่องฟอกอากาศและเครื่องทำความเย็น
รวมถึงสินค้าที่อินเดียนำมาผลิตเพื่อส่งออกอีกหลายรายการ
ดังนั้นชาติอาเซียนและไทยจะได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งของตลาดจีนในอินเดียอย่างแน่นอน