5 สิ่งที่ต้องมีเพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็น Virtual Office

Edutainment
08/06/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 2561 คน
5 สิ่งที่ต้องมีเพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็น Virtual Office
banner

ต่อไปนี้ “บ้าน” จะไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อนและพื้นที่ของครอบครัวอีกแล้ว เมื่อเทรนด์การทำงานของคนบนโลกกำลังจะเปลี่ยนให้ “บ้าน” กลายเป็น “พื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน” แทนออฟฟิศ ท่ามกลางโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดอยู่ รวมไปถึงพฤติกรรมการทำงานของคนที่ปรับเข้าสู่ New Normal อันจะกลายมาเป็นตัวช่วยกำหนดให้ตัวองค์กรต้องปรับเปลี่ยนตาม เพื่อรองรับการทำงานแบบ Work From Home / Remote Working แทนการต้องเดินทางเข้าออฟฟิศทุกวัน

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สามารถออกไปหมกตัวตามร้านกาแฟได้เหมือนเมื่อก่อน ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบ้านให้เหมาะสมต่อการทำงานแทน เพราะสิ่งหนึ่งที่ท้าทายการทำงานแบบรีโมทก็คือ วินัยอันเคร่งครัด ท่ามกลางความยืดหยุ่นและตัวขี้เกียจที่ล่อใจมากมายนั่นเอง ที่จะคอยมาบั่นทอนให้ทำงานได้ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย 

และการปรับเปลี่ยน 5 สิ่งนี้ภายในบ้านจะทำให้ได้สำนักงานเสมือน (Virtual Office) อันทรงประสิทธิภาพ เพื่อมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจหรือทำให้ชีวิตการทำงานง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงว่างานจะเสียหายหรือเจ้านายไม่ปลื้มได้อย่างแน่นอน

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

1. มีเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้

เพื่อรองรับการทำงานแบบเต็มรูปแบบ เพราะชีวิตการทำงานที่บ้านต่อจากนี้จะไม่ใช่เป็นการทำงานแบบ Work From Home ภาคบังคับเหมือนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพราะนี่คือการเตรียมการเพื่อรองรับการทำงานที่บ้านแบบถาวร โดยเทคโนโลยีที่ควรต้องมีได้แก่ วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์, เครื่องปริ้นเตอร์, เครื่องสแกน, โทรศัพท์, ไมโครโฟน, หูฟัง, ลำโพง, ขาตั้งโทรศัพท์, External Drive, คอมฯ สำรอง, หม้อแปลงไฟ, Flash drive, โปรแกรมสแกนไวรัส, พื้นที่แบ่งปันไฟล์ที่อาจต้องเพิ่มขนาดการใช้งาน เช่น Google Drive, One Drive หรือ Dropbox และโปรแกรมรองรับการทำงานทางไกลอย่างที่ได้รับความนิยม เช่น Zoom, Google Meet, Microsoft Team, Webex  อย่างไรก็ตามเครื่องและเทคโนโลยีเน้นเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เพื่อประหยัดรายจ่าย

2. แยกมุมทำงานและสร้างพฤติกรรมการทำงานเหมือนออฟฟิศ  

การตกแต่งมุมบ้านให้เสมือนออฟฟิศ แบ่งแยกสัดส่วนให้ชัดเจน ห่างจากมุมพักผ่อนหรือเตียงนอน จะทำให้ชีวิตได้มี Space ชัดเจนขึ้น ไม่ปล่อยให้งานเข้าไปปะปนกับชีวิตส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมงจนเกิดความเครียด นอกจากนี้ควรสร้างวินัยด้านพฤติกรรมการกระทำให้เป็นปกติเหมือนเมื่อครั้งต้องตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว เดินทางไปทำงานออฟฟิศ

เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยเตือนให้สามารถแยกแยะชีวิตการทำงาน ออกจากชีวิตของการพักผ่อนอยู่บ้านได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องเคร่งเครียดกับการทำงานมากเกินไป ชนิดที่ไม่ต้องตื่นมาก็เจอกับกองงาน นั่งทำงานทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวกินข้าว ซึ่งการทำแบบนี้จะเท่ากับว่าเกิดการยอมรับให้พื้นที่การทำงานเข้าไปพัวพันกับการใช้ชีวิตจนแยกไม่ออก และจะทำให้หมดสนุก ไม่มีความสุขกับการทำงานไปจนเสียสุขภาพจิตขึ้นได้ในระยะยาวอีกด้วย

3. เพิ่มพื้นที่เขียวช่วยกระตุ้นความสร้างสรรค์

พื้นที่สีเขียวของดอกไม้ใบหญ้าต้นไม้ จะทำให้รู้สึกสดชื่น สงบ ผ่อนคลาย การวางโต๊ะทำงานในมุมที่สามารถทอดสายตาออกสู่สวนหรือพื้นที่สีเขียวนอกบ้าน หรือตกแต่งสถานที่ทำงนให้มีต้นไม้ดอกไม้สวยงาม จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ด้วย ซึ่งมีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Queensland ในประเทศออสเตรเลียช่วยยืนยันว่าผลลัพธ์ของการประดับตกแต่งพื้นที่ทำงานด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ จะช่วยให้คนทำงานมีศักยภาพเพิ่มขึ้น 15% และตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วย

4. เพิ่มทักษะด้าน IT

การสร้างออฟฟิศเสมือนจริง (Virtual Office) ไว้ที่บ้านเพื่อใช้การดำเนินธุรกิจหรือแม้แต่ทำงานแบบรีโมท ในยุคนี้ต้องยอมรับและพร้อมเรียนรู้เติบโตไปกับเทคโนโลยี แบบไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายไอทีประจำบริษัท เพราะไม่สามารถเรียกหาบริการได้ และไม่ใช่ว่าพอมีอะไรติดขัดมีปัญหาก็ยกคอมไปให้ช่างซ่อมเพียงอย่างเดียว อันจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองไปกับค่าแรงช่างฝ่ายไอทีที่สูงเอาการ ด้วยในการทำงานย่อมมีปัญหาติดขัดเกิดขึ้นได้กับอุปกรณ์หรือโปรแกรมที่ใช้งาน

ดังนั้นการใช้เวลาว่างในการศึกษาหาความรู้ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในสังคมแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล ที่คนทำงานอยู่บ้านต้องมีการเรียนรู้ ทั้งในเรื่อง Hardware, Software และการใช้ program ต่างๆ เอาไว้เพื่อเอื้ออำนวยต่อการทำงานของตัวเอง นอกจากนี้ยังจะเป็นการ Up Skill การทำงานให้ตัวเองได้ก้าวไปกับยุคแห่งเทคโนโลยี อันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่คนทำงานในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลต้องมี ทำให้กลายเป็นคนทำงานที่มีแต่ตลาดงานต้องการอีกด้วย

5. พื้นที่ทำงานควรโปร่งโล่ง

การจัดตั้งมุมทำงานไว้ในพื้นที่ที่มีแสง ลม อากาศ ถ่ายเทดี มีความเงียบสงบ บรรยากาศโปร่งโล่ง มีเฟอร์นิเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการทำงานแบบน้อยชิ้น แต่ให้ประสิทธิภาพเยี่ยม จะทำให้ลดความอึดอัดจากการถูกบีบรัดจากเฟอร์นิเจอร์ที่แย่งพื้นที่ใช้สอยลงได้ ซึ่งการเปิดโล่งทั้งสภาพบรรยากาศหรือพื้นที่ จะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายในการทำงาน คิดงานได้อย่างสร้างสรรค์และลื่นไหล หรือถ้าหามุมวิวหน้าต่างบรรยากาศดีไม่ได้ก็อาจใช้เรื่องสีสัน วอลเปเปอร์ และการตกแต่งเข้ามาช่วยได้ในข้อนี้ แล้วจะทำให้มีบรรยากาศการทำงานแบบ Virtual Office ที่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการทำงานได้ในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ คราวนี้ต่อให้ต้องใช้ไอเดียขบคิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน ก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างลื่นไหล ตามใจต้องการเลยล่ะ


Remote Working เทรนด์นี้มาแน่ หลังโควิด-19

8 วิธีปรับสมดุลชีวิตและทำงาน Work From Home

 


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ตรุษจีนยุคใหม่ไร้ Foodwaste เคลียร์ของไหว้เป็นเมนูเด็ด แถมลดโลดร้อน

ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะยิ่งนับวัน การคืบคลานเข้ามาของสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลายภาคส่วน…
pin
686 | 07/02/2024
‘เวียดนาม’ โตไวในธุรกิจรักษ์โลก ไทยอยู่อันดับเท่าไหร่ในตลาดอาเซียน

‘เวียดนาม’ โตไวในธุรกิจรักษ์โลก ไทยอยู่อันดับเท่าไหร่ในตลาดอาเซียน

จากข้อมูลโดย ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (sdgmove)  ระบุว่า เดือนเมษายน ปี 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามเผยแพร่ยุทธศาสตร์ชาติ…
pin
9401 | 26/10/2023
#กินเจ2566 เช็ค 8 สถานที่ใกล้ตัว งาน‘เทศกาลกินเจ 2566’ อิ่มท้อง อิ่มใจ ได้บุญ

#กินเจ2566 เช็ค 8 สถานที่ใกล้ตัว งาน‘เทศกาลกินเจ 2566’ อิ่มท้อง อิ่มใจ ได้บุญ

ช่วงเวลาของสายบุญ ที่จะเวียนมาปีละครั้ง สำหรับเทศกาลกินเจ หรือ ประเพณีถือศีลกินผัก ตามประเพณีแบบลัทธิเต๋า รวม 9 วัน โดยกำหนดวันตามจันทรคติ…
pin
12104 | 03/10/2023
5 สิ่งที่ต้องมีเพื่อเปลี่ยนบ้านให้เป็น Virtual Office