ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแพร่ระบาดระบาดของโควิด
19 ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก
ประชาชนส่วนใหญ่ลดการเดินทางออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน หันมาปรุงอาหารบริโภคเอง
ส่งผลเชื่อมโยงต่อธุรกิจบริการร้านอาหาร ห้าง
ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายอาหารไม่น้อย
ข้อมูลจากสมาคมภัตตาคารแห่งชาติสหรัฐฯ
ระบุว่า ผลจากวิกฤติโควิด 19 เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
ได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจบริการอาหารของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 120,000
ล้านเหรียญสหรัฐ จากภาพรวมของธุรกิจนี้ที่คาดว่าจะมียอดขายสูงถึง 899
ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 จากจำนวนร้านที่มีกว่า 1 ล้านแห่งทั่วประเทศ
และมีการจ้างงานไม่น้อยกว่า 15.6 ล้านคน
ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าธุรกิจบริการนี้เป็นธุรกิจที่มีการจ้างงานมากที่สุดของสหรัฐก็ว่าได้
ผลจากการที่ร้านอาหารต้องหยุดให้บริการช่วงโควิด ทำให้ตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะยากลำบาก โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการเลิกจ้างสูงสุด เช่น เวอร์มอนท์ จ้างงานลดลง 71% นิวยอร์ค ลดลง 67% แมสซาชูเซสลดลง 65% โรดไอร์แลนด์ ลดลง 64% ดีเลแวร์ ลดลง 64% นิวแฮมเชอร์ ลดลง 53% และนิวเจอร์ซี่ลดลง 61% เป็นต้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้
แม้ว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารจะเริ่มกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง แต่คาดการณ์ว่าสถานการณ์ในปีนี้จะกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนอย่างมาก
จากคาดการณ์ว่าตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
โดยเศรษฐกิจในไตรมาสแรกสะท้อนชัดเจนด้วยตัวเลขที่ติดลบ 5%
ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้บริโภคสหรัฐฯ จะลดการใช้จ่ายเงินในการรับประทานอาหารนอกบ้านลง
อย่างต่ำ 170,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทว่าอีกด้านหนึ่ง
ธุรกิจจัดจำหน่ายอาหารและวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารกลับมีความคึกคักอย่างมาก
ด้วยเหตุที่วิกฤตโควิด 19
ได้สร้างความต้องการสินค้ารายการใหม่ๆ
และผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญใส่ใจกับการเลือกสรรวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารรับประทานเองมากขึ้น
นายลอเรนซ์ อี. เคอร์เซียส
ซีอีโอ บริษัท McCormic & Company บริษัทผู้นำเข้าวัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารรายใหญ่ของสหรัฐฯ
คาดการณ์ว่าผลจากโควิด 19 ที่แพร่ระบาดทำให้รัฐบาลทยอยเปิดเมืองอย่างช้าๆ
ซึ่งจะทำให้ประชาชนสหรัฐฯ ยังคงต้องประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้านอีกระยะหนึ่ง
ซึ่งมีผลให้ความต้องการสินค้าวัตถุดิบ และเครื่องปรุงอาหารเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ บริษัทเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์วัตถุดิบ
เครื่องปรุงรส เครื่องเทศ สำหรับครัวเรือนและร้านอาหารจากแหล่งผลิตทั่วโลก ไม่กว่าจะเป็นแคนาดา
ยุโรป เอเชีย รวมถึงไทยด้วย โดยในปี 2562 มียอดจำหน่าย 5,347 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งผลจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ผู้บริโภคมีการประกอบอาหารเองนี้ ทำให้บริษัทมียอดขายเติบโตก้าวกระโดด
โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสำหรับครัวเรือนเพิ่มขึ้นถึง 26%
แต่ยอดขายในส่วนของลูกค้าร้านอาหารลดลง 18.5%
จากวิกฤติในครั้งนี้ทำให้บริษัทเร่งปรับกลยุทธ์
ด้วยการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าวัตถุดิบประกอบอาหารแบบพรีเมียม
และใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเน้นการเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มมิลเลเนียนและกลุ่ม
GenZ
ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปิดกว้างพร้อมที่จะทดลองสินค้าใหม่ๆ
แต่ที่สำคัญคือ วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มนี้จะต้องมี "เอกลักษณ์"
และตอบโจทย์ "รสนิยม" ของผู้บริโภคยุคใหม่กลุ่มนี้
จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นได้ จากในปี 2562 ที่ผ่านมา มียอดขายมูลค่า 26.4
พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มอีก 3-4% ในปี 2567