สหรัฐคุมเข้มความปลอดภัยอาหาร ‘A New Era of Smart Food Safety’
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้สหรัฐอเมริกาเห็นถึงความสำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อความปลอดภัยในอาหาร ให้มีการประมวลผลที่รวดเร็ว แม่นยำ และคาดคะเนได้
เป็นการป้องกันไม่ให้อาหารที่มีการปนเปื้อนถึงมือผู้บริโภค
จากนี้ไปทางการสหรัฐจะมีมาตรการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของอาหาร
ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารไปยังสหรัฐฯ
จึงจำเป็นต้องปรับตัวรองรับ ขณะเดียวกันก็ต้องรณรงค์ปลุกจิตสำนึก สร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการที่ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร ตระหนักและให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบความปลอดภัยอาหารให้สอดรับกับมาตรการดังกล่าว
ล่าสุดสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration-FDA) ออกประกาศแบบพิมพ์เขียวเรื่อง “A New Era of Smart Food Safety” ซึ่งเป็นการดำเนินการในขั้นตอนถัดจากการใช้กฎหมาย Food Safety Modernization Act (FSMA) ช่วงก่อนหน้านี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สาระสำคัญของประกาศพิมพ์เขียว “A New Era of Smart Food Safety” ประกอบด้วยหลักการสำคัญ
4 ประการ ได้แก่
1. การใช้เทคโนโลยีเพื่อการตรวจสอบย้อนกลับ (Tec-Enabled Traceability) ป้องกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหารบางประเภท โดย FDA จะทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบย้อนกลับหาที่มาของอาหารปนเปื้อน จากฟาร์มสู่โต๊ะอาหารภายในเวลาไม่กี่นาที
โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับอย่างแพร่หลายจะช่วยให้ทราบห่วงโซ่การผลิตได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังช่วยในการคาดการณ์ความไม่สมดุลระหว่างการผลิตอาหารและความต้องการของตลาด
ป้องกันการขาดแคลนและอาหารเหลือทิ้ง
2. เครื่องมือและหลักการอัจฉริยะสำหรับการป้องกันและตอบสนองการระบาดของเชื้อโรค
(Smarter Tools
and Approaches for Prevention and Outbreak Response)
เป็นการสร้างความแข็งแกร่งของมาตรการที่ใช้ในการวิเคราะห์หาสาเหตุการปนเปื้อนของอาหาร
และแจ้งวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำ
ขณะเดียวกัน FDA จะยกระดับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial
Intelligence : AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine
Learning) ให้การตรวจสอบสินค้าอาหารนำเข้า ณ หน้าด่าน
มีความแม่นยำมากขึ้น โดย FDA
จะทำงานร่วมกับผู้ตรวจสอบบุคคลที่สาม (Third-party audits)
และผู้เชี่ยวชาญที่ประจำอยู่ในรัฐต่างๆ หรือหน่วยงานท้องถิ่น
3. โมเดลธุรกิจใหม่และการขายปลีกที่ทันสมัย
(New Business
Models and Retail Modernization) ตามกระแสโลก และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างการสั่งอาหารและของใช้ภายในบ้านผ่านระบบออนไลน์
ให้อาหารและของใช้ภายในบ้านเดินทางสู่มือผู้บริโภคอย่างปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อน
ทั้งนี้โมเดลธุรกิจใหม่จะรวมถึงแนวทางการผลิตอาหารและส่วนประกอบอาหารใหม่ๆ
เช่น อาหารที่มาจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ (Cell-Cultured
food products) โดยในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ในอนาคต FDA จะช่วยร้ายอาหารและผู้ขายปลีกอาหารช่องทางอื่นๆ ให้ให้มาตรการความปลอดภัยอาหารที่ทันสมัย
4. วัฒนธรรมความปลอดภัยอาหาร (Food Safety Culture)
เป็นแบบพิมพ์เขียวที่ถูกออกแบบเพื่อสนับสนุนให้วัฒนธรรมความปลอดภัยอาหาร
ทั้งในฟาร์ม โรงงานผลิตอาหารทั่วโลก และให้บ้าน ให้เติบโตและแข็งแกร่ง
โดยเชื่อว่าการลดการเกิดโรคที่มาจากอาหารอย่างมีประสิทธิผล ต้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์
ทัศนคติของลูกจ้างพนักงานทั้งในโรงงาน ร้านอาหาร รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันนิยมทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน
ให้ทราบแนวทางปฏิบัติให้การประกอบอาหารมีความปลอดภัย (Safe food handling practices)
ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบการดำเนินการภายในของ FDA เพื่อสร้างความมั่นใจว่า FDA ซึ่งเป็นผู้ออกกฎระเบียบ สนับสนุนการพัฒนาวัฒนธรรมความปลอดภัยอาหารโลก