สหรัฐยังคงครองอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าท่ามกลางวิกฤตโควิดสหรัฐยังมีอัตราการบริโภคยังคงสูง และมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอาหารทะเลพรีเมียม สะท้อนจากการจับจ่ายในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่ขยายตัวถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่าในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2563 นี้ อัตราการบริโภคสหรัฐจะยังคงมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ชีวิตอยู่บ้าน และปรุงอาหารรับประทานเองเพื่อเฉลิมฉลองในครอบครัว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จากรายงานสมาพันธ์ผู้ประกอบการค้าปลีกแห่งชาติ หรือ The National Retail Federation (NRF) คาดว่ามูลค่าการค้าปลีกสหรัฐ ช่วง 2 เดือนสุดท้ายจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.6-5.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะมูลค่าการค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น จากที่ผู้บริโภคใช้ชีวิตอยู่บ้าน คาดว่าจะขยายตัวถึง 20-30% ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวได้รับผลดีจากปัจจัยบวกที่ได้มีการค้นพบวัคซีนโควิดทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
สอดคล้องกับมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ของสหพันธ์ฯ นายแจ็ค เคลนเฮนซ์ ซึ่งระบุว่า ผลจากความมั่นใจเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนโควิดจะเป็นแรงสนับสนุนให้ผู้บริโภคกล้าใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารทะเลพรีเมียม เช่น กุ้ง ล็อบสเตอร์ และอาหารทะเลแปรรูป จะได้รับความนิยมมากขึ้น ในช่วงที่ผู้บริโภคจัดการเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่กับครอบครัว
ขณะที่นางลอว์ร่า รามส์แดน หุ้นส่วนบริษัท New Bedford ผู้จำหน่ายสินค้าอาหารทะเลก็มีความเห็นพ้องกันว่า ตลาดสินค้าอาหารทะเลและอาหารทะเลแปรรูปพรีเมียม เช่น กุ้ง ล็อบสเตอร์ หอย ปลาแซลมอน ปลารมควัน ปลาไหลและไข่ปลาคาเวียร์ จะมีแนวโน้มเติบโต เพราะทั้งปีที่ผ่านมาผู้บริโภคต้องเผชิญกับปัญหาโควิดต่างๆ ทำให้ต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการบริโภค
ขณะที่นางแอน-แมรี โรว์ริงค์ ผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัยตลาด 210 Analytics Principle ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการเฝ้าระวังโควิดที่ให้จำกัดการรวมกลุ่มเฉลิมฉลอง ก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่จะทำให้ประชาชนลดงบการเดินทางออกนอกบ้าน และหันมาซื้อสินค้าอาหารทะเลพรีเมียมไปปรุงรับประทานในครอบครัว
ทั้งนี้จากข้อมูลการบริโภคชาวอเมริกันรับประทานอาหารทะเลเฉลี่ย 16.1 ปอนด์ต่อคนต่อปี โดยกุ้งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในการบริโภคสูงสุด
รองลงมาคือ ปลาแซลมอน ปลาทูน่ากระป๋อง ปลานิล ปลาเลาสปา พอลล็อค ปลาแพนกาเซียส ปลาคอด
ปลาดุก ปู และหอยกาบ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งพบว่าปริมาณการนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้ของสหรัฐในช่วง 10 เดือนแรก มีมูลค่า 13,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในส่วนการนำเข้าสินค้าจากไทยก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นผลสะท้อนจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ธุรกิจบริการร้านอาหาร หรือฟู้ดเซอร์วิสหยุดไปในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังพบว่ามีสินค้าอาหารทะเลบางชนิดที่สามารถส่งออกไปได้เพิ่มขึ้น เช่น ปลาแช่แข็ง ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสในอนาคต
ขณะที่อาหารทะเลด้านอื่นๆ ที่ปัจจุบันอาจประสบความเชื่อมั่นเนื่องจากความวิตกกังวลถึงการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งในประเทศไทยเองและตลาดต่างประเทศ เรื่องนี้จะต้องเร่งดำเนินการหามาตรการในทุกวิถีทาง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้อาหารทะเลแช่แข็งของไทยมีความปลอดภัยในสายตาของผู้บริโภคทั่วโลก