ในยุค Work From Home ที่คนจำนวนมากทำงานอยู่บ้าน ทำให้คนส่วนหนึ่งหันมาให้ความสนใจกับกระแสการปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก เป็นกิจกรรมยามว่างที่ช่วยเพิ่มสีสันให้ชีวิตประจำวันในวันที่ต้องอยู่บ้าน และธุรกิจต้นไม้ก็มีการปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คน โดยการย้ายมาตั้งหน้าร้านผ่านการไลฟ์สด ทำการตลาดและซื้อขายออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ ‘ธุรกิจขายต้นไม้’ ในไทยและต่างประเทศเติบโตขึ้นสวนกระแสวิกฤตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
มูลค่าการตลาดเติบโตหมื่นล้านในสหรัฐฯ
มูลค่าธุรกิจต้นไม้ในตลาดใหญ่อย่างประเทศสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเห็นได้จากตั้งแต่ปี 2019 ที่มีมูลค่าตลาด 15.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020
มีมูลค่าตลาด 15.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนอายุ 18-34
ปีหันมาปลูกต้นไม้กันมากขึ้น จนมียอดใช้จ่ายต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นถึง 503
ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันปี 2021 ก็มีคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตสูงถึง 15.61
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยมีไม้ประดับที่ขายดี
เช่น Monstera
Deliciosa ที่สามารถขายได้ในราคาสูงสุดถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และต้นไม้ชนิดนี้ยังเป็นที่นิยมในประเทศไทยเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะแบบที่เป็นใบด่าง ซึ่งปัจจุบันมีราคาสูงสุดหลักล้านบาทเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ที่มีมูลค่าสูงติดอันดับโลกคือ
‘ต้นบอนไซ’ ซึ่งเคยมีผู้ซื้อขายกันในราคาสูงถึง1.3
ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาของต้นบอนไซนั้นจะปรับสูงขึ้นตามอายุ ยิ่งต้นไม้มีอายุยาวนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีราคาแพงมากขึ้นเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านี้นักเศรษฐศาสตร์จากสำนักงานป่าไม้ของสหรัฐอเมริกายังบอกอีกว่า
ต้นไม้สามารถเพิ่มมูลค่าบ้านได้ 5-20% อย่างบ้านที่มีต้นไม้ในเมืองพอร์ตแลนด์ก็สามารถอัพราคาเพิ่มถึง
7,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่องโอกาสเติบโตธุรกิจต้นไม้ในไทย
กระแสการปลูกต้นไม้ยังช่วยสร้างธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้เติบโตอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการขายอุปกรณ์ปลูกต้นไม้ เช่น กระถางสวยๆ รวมไปถึงขายชุดปลูกต้นไม้สำเร็จรูปได้ด้วย
การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจต้นไม้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอดจากวิกฤต แต่อาจเป็นแนวทางในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ
ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย จนทำให้การปลูกต้นไม้กลายเป็น New Normal หรือความปกติใหม่ที่มนุษย์ทุกคนต้องการก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามผู้ขายในปัจจุบันหากอยากขายดี
ต้องใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ลูกค้ารู้จักและประทับใจ
เพราะเป็นช่องทางหลักให้ลูกค้าเลือกซื้อ โดยไม่ต้องเห็นของจริงเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นผู้ขายต้องหัดถ่ายรูป แต่งรูป ตกแต่งต้นไม้ให้สวย
และเรียนรู้การใช้โซเชียลมีเดีย
นอกจากธุรกิจต้นไม้จะเพิ่มมูลค่าทางการตลาดแล้วนั้น
ต้นไม้บางชนิดยังเป็นตัวช่วยฟอกอากาศ ดูดสารพิษได้อีกด้วย
รวมทั้งกระแสโลกร้อนที่สังคมให้ความสำคัญ
ก็ยิ่งทำให้ความนิยมในการปลูกต้นไม้มากขึ้น งานวิจัยของนาซ่าพบว่า
การปลูกต้นไม้ในบ้านช่วยลดอากาศพิษได้ถึง 87%
และยังมีงานวิจัยมากมายหลายชิ้น สนับสนุนว่าการปลูกต้นไม้ช่วยคลายเครียด
นอกจากสุขภาพจิตจะดี สุขภาพกายก็ดีขึ้น
เรียกได้ว่าการปลูกต้นไม้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนในยุคปัจจุบัน
กระแสความนิยมในการปลูกต้นไม้ทำให้ความต้องการตลาดต้นไม้สูงขึ้น จนปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือโอกาสธุรกิจขายต้นไม้ที่กำลังมาแรง
แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจต้นไม้เติบโตและเจริญงอกงามได้คือการปรับตัว
และโมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ
แหล่งอ้างอิง
:
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ