Video Content เป็นสื่อที่ทรงประสิทธิภาพสุดในการทำตลาด ด้วยสามารถตอบโจทย์คนทุก
Generation ได้ตรงจุด จัดเป็นรูปแบบข้อมูลที่กระตุ้นและดึงดูดความสนใจผู้คนได้ง่าย
เข้าถึงคนได้ทุกกลุ่มเพศและวัยในทุกที่และทุกแพลตฟอร์ม Video จึงจัดเป็นเครื่องมือที่ผู้ประกอบการไม่ควรพลาด ในการนำมาใช้ทำการตลาดหรือโปรโมทสินค้าในปัจจุบัน
Video Content ได้ถูกนำมาปรับใช้ในการเดินกลยุทธ์ทางการตลาดตั้งแต่ปี
2016 โดยมีธุรกิจเลือกนำมาใช้ทำการตลาดมากกว่า 61% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติของ Youtube แพลตฟอร์ม Video Content ยักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลก ระบุว่าในปี
2019 มี Active
Users กว่า 1,900 ล้านคนที่เข้ามาดูวีดีโออย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน
โดยผู้ใช้จะดูวีดีโอบน YouTube เฉลี่ย 40 นาที/ครั้ง
และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น 50% ในทุกๆ ปี และมีผู้ใช้เข้ามาดูคอนเทนต์กว่า 5,000
ล้านครั้ง/วัน เป็นการใช้งานผ่านมือถือ 500 ล้านครั้ง/วัน
โดย 67% ของคน Millennial เลือกที่จะดู YouTube มากกว่าการดูโทรทัศน์
ทั้งนี้กลุ่มผู้ใช้อายุ 35–55 ปี
เป็นกลุ่มผู้ใช้ที่เติบโตไวสุดบน YouTube
ขณะที่ปัจจุบัน YouTube มี Content Creator กว่า 50 ล้าน Account จำนวน 9% ของธุรกิจขนาดเล็กมี Account อยู่บน YouTube และ 37 % ของผู้ใช้อายุ 18–34 ปี ชื่นชอบการดูคอนเทนต์แบบรวดเดียวจบ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Video Content Marketing
นั้นสามารถดึงดูดคนให้เข้าถึงเนื้อหาสาระได้ง่ายและหวังผลได้ในระดับที่พอใจได้ดังต่อไปนี้
1. Video ทำให้เกิดการมีส่วนร่วม
และช่วยให้เกิดการขายเพิ่มขึ้น : การเพิ่ม Video Content ลงในหน้าเพจหรือหน้าเว็บไซต์
จะเป็นตัวช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าหรือผู้เข้าชมได้มากถึง 80% โดย Video
นั้นจะต้องนำพาไปสู่การขายได้ เช่น Video อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการใช้งานนั้นมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ถึง
74%
2. Video ทำให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของผลตอบแทนจากการลงทุน
: มีผู้ประกอบการกว่า
76% กล่าวว่า Video ให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี
แม้ว่าในการจัดทำ Video แต่ละครั้งจะมีต้นทุนในการดำเนินการสูงก็ตาม
แต่ในปัจจุบันนี้มีแพลตฟอร์ม Video แบบสำเร็จรูปที่ครีเอทและออกแบบได้เหมือนมือโปรให้เลือกใช้
อัตราค่าบริการที่ไม่แพงแล้วมากมาย ทั้งนี้ในการทำ Video marketing ไม่จำเป็นต้องหวือหวาหรือสมบูรณ์แบบ ขอแค่เนื้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนและสื่อสารได้ตรงวัตถุประสงค์
ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
3. Video สร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นได้ : การเตรียมการเนื้อหาดี สื่อสารชัด มีสาระ ความรู้ และความบันเทิงครบครัน
จะช่วยจุดประกายความคิด อารมณ์ความรู้สึกร่วมกับผู้ชมได้ เนื่องจากเป็นสื่อที่สามารถนำเสนอได้ครบทั้งภาพและเสียง
รวมถึงสีหน้า ท่าทาง จึงทำให้เกิดแรงจูงใจและความเชื่อถือได้ง่าย
4. Video ช่วยทำให้คนรู้จักและเข้าถึงได้ง่าย
: เนื่องจากวิดีโอเป็นสื่อที่เสพผ่านการรับรู้
โดยการดูและการฟัง ดังนั้นจึงเข้าถึงกลุ่มคนได้ทั่วถึงและกว้างกว่าการอ่าน
เพราะต่อให้เป็นคนที่ไม่อ่านหนังสือ หรืออ่านหนังสือไม่ออกก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาในวิดีโอได้
ทั้งนี้ Video Content Marketing ที่ดี สามารถตอบโจทย์ด้านการตลาดได้ จะต้องมีองค์ประกอบสำคัญในการทำให้ประสบความสำเร็จใน
5 ข้อสำคัญ นั่นคือ
1) เป้าหมายชัด (Video Goals)
2) วัดผลถูกต้องตามจุดประสงค์ (Right KPIs )
3) มีส่วนสร้างการรับรู้แบรนด์ (Awareness)
4) ทำให้เกิดการพิจารณา (Consideration)
5) ช่วยในการตัดสินใจ (decision or action)
ซึ่ง
Video Content Marketing นั้นสามารถนำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์และหลากหลาย
ตามความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์หรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ ได้แก่
1. Brand Film : เป็นรูปแบบวิดีโอที่ช่วยตอบโจทย์ของแบนรด์ได้ครบ
เพราะมีการนำเสนอให้ผู้คนเห็นถึงคุณค่าของแบรนด์ รับรู้ว่าแบรนด์คืออะไร
มีค่านิยมแบบไหน
2. Education
หรือ How to Video : เป็นวิดีโอให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของแบรนด์
ในรูปแบบที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า เป็นการสื่อสารในแง่หลักความเป็นจริง
สามารถสร้างน้ำหนักและความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นได้
3. Animation Video : เป็นวิดีโอการ์ตูนที่มีสีสันน่าสนใจ
ดึงดูดความสนใจของคนได้ง่าย จึงเหมาะต่อการนำมาใช้แนะนำแบรนด์
4. Testimonial Video : เป็นรูปแบบวิดีโอรีวิว มีการสัมภาษณ์ผู้ใช้สินค้าและบริการ
ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกร่วมและตัดสินใจซื้อสินค้า
5. FAQ Video : เป็นวิดีโอที่จะมาช่วยตอบคำถามคลายข้อสงสัยให้แก่ลูกค้า
ทำให้เกิดการชั่งน้ำหนัก คลายความกังวลใจและช่วยในการเลือกตัดสินใจ
6. Demonstration /Instructions
Videos : เป็นวิดีโอสาธิต ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์
ทำหน้าที่เสมือนการให้คำแนะนำในตัวสินค้าหรือบริหาร จึงมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ดียิ่ง
ในการทำ Video Content Marketing ให้ดึงดูดใจผู้ชมนั้นไม่ควรมีเนื้อหาที่สั้นหรือยาวเกินไป
ควรใช้เวลาที่เหมาะสม สื่อสารกับผู้ชมให้ตรงเป้าหมาย และไม่ควรให้มีความยาวเกินไป
เพราะมีการสำรวจพบว่า วิดีโอสั้นจะดึงดูดใจผู้ชมได้ดีกว่า
เนื่องจากคนเราจะให้ความสนใจกับเนื้อหาในวิดีโอมากในช่วง 90 วินาทีแรก
และหากวิดีโอนั้นถูกจัดสร้างขึ้นมาเพื่อนำเสนอในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ควรจัดทำความยาวให้เหมาะสม
โดยความยาวที่เหมาะสมของ Video ใน Facebook ควรไม่เกิน 1 นาที, Twitter ควรมีความยาวไม่เกิน 45
วินาที, Instagram ควรมีความยาวไม่เกิน 30 วินาที, Youtube
ความยาววิดีโอที่ 5-10 นาที
และ TikTok แพลตฟอร์มคอนเทนต์วิดีโอที่กำลังมาแรงควรมีความยาว
30 วินาที จะช่วยตอบโจทย์ดีสุด.
แหล่งอ้างอิง
https://www.am2bmarketing.co.th/
