เป็นที่แน่นอนแล้วว่าสหราชอาณาจักร
(ยูเค) จะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
(อียู) อย่างเป็นทางการ หรือ Brexit ในวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) แถลงการณ์ว่าได้ร่าง “ข้อตกลงทางการค้า” ใหม่ระหว่างสองภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อย หลังใช้เวลาเจรจามานานถึง
11 เดือนกว่าจะสามารถตกลงกันได้ หากไม่มีข้อตกลงฉบับนี้
อาจจะมีผลต่ออัตราภาษีสินค้านำเข้า ทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ยูเคจะประกาศข้อสรุปการเจรจาความตกลงกับอียู ก็ได้เร่งเจรจาความตกลงกับประเทศคู่ค้าเมื่อครั้งที่อยู่ในอียูเพื่อเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้คือการเจรจาความตกลงการค้ากับเวียดนาม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้ยูเคและเวียดนามได้ร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหราชอาณาจักร (UKVFTA) ไปเมื่อวันที่
11 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านหลัง
Brexit เพื่อให้แน่ใจว่าหากแยกออกจากอียูแล้วการนำเข้าสินค้าเวียดนามจะไม่มีปัญหาด้านภาษี
ความตกลง UKVFTA ได้เริ่มเจรจากันเมื่อเดือนสิงหาคม 2561
และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในต้นปี 2564 โดยความตกลงฉบับนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่าง
2 ประเทศ ซึ่งจะมีส่วนส่งเสริมให้เวียดนามสามารถรักษาระดับการค้ากับยูเคได้
จากมูลค่าการค้ารวมปี 2562 ที่ผ่านมา เท่ากับ 6,857 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเวียดนามส่งออกไปยูเค มูลค่า 6,064 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ยูเคส่งออกไปเวียดนามมูลค่า 793 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภายหลังจากความตกลง UKVFTA มีผลบังคับใช้ จะทำให้สินค้าเวียดนามและยูเคสัดส่วน
65% ของสินค้าที่ค้าระหว่างกัน จะได้รับการยกเว้นภาษีทันที และจากนั้นจะเพิ่มจำนวนเป็น
99% จะเหลือสินค้าที่มีความอ่อนไหวสูง 1%
ประโยชน์ที่เวียดนามจะได้รับจากการลงภาษีดังกล่าว
คิดเป็นมูลค่า 151 ล้านเหรียญสหรัฐ จากอัตราภาษีที่เวียดนามส่งไปยูเค
ขณะที่ฝั่งยูเคจะได้ประโยชน์จากการลดภาษี 48 ล้านเหรียญสหรัฐ
และทำให้ผู้บริโภคทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์จากสินค้านำเข้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าที่เวียดนามมีศักยภาพส่งออก
นั่นคือเสื้อผ้าและรองเท้า
ซึ่งคาดว่าผลดีจากการเปิดตลาดยูเคครั้งนี้ทำให้ “เสื้อผ้าและรองเท้า” ที่ผลิตจากเวียดนามกลายเป็นเสือติดปีก
เพราะก่อนหน้านี้เวียดนามได้ทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป หรือ
EVFTA และข้อตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนแปซิฟิก หรือ
CPTPP ไปแล้ว
ข้อมูลจากสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) ระบุว่า อุตสาหกรรมรองเท้า และเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดี
ท่ามกลางปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด โดยเฉพาะในตลาดอียูซึ่งหลังจากทำ EVFTA แล้วทำให้ส่วนแบ่งตลาดเวียดนามในอียูมีแนวโน้มจะปรับขึ้นจาก 50% ไปเป็น 67% ในปี 2568
ในมุมของไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ก็ต้องจับตามองผลการลงนามกับ UKVFTA ความตกลงฉบับใหม่ เพราะมีการคาดการณ์แต้มต่อนี้จะขยายโอกาสตลาดให้เวียดนามสามารถส่งออกได้ 3 เท่า คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,500-7,600 ล้านเหรียญในอนาคต ซึ่งนั่นอาจจะเป็นโอกาสในการขยายการลงทุนเข้าไปในเวียดนาม หรือเป็นจุดเปลี่ยนของการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าของไทยในอนาคตด้วย