ค้าปลีก ‘เวียดนามเดือด’ ทุนไทย-ต่างชาติพาเหรดชิงเค้กตลาด
แม้รัฐบาลเวียดนามจะมีนโยบายรักษาตลาดเอาดั้งเดิมเอาไว้
แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในเวียดนามก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
จากกำลังซื้อและการบริโภคที่ขยายตัวมากขึ้น ตามการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม
ขณะเดียวกันเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของเวียดนามอยู่ในวัยทำงาน มีรายได้
ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการบริโภคสินค้ามีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ณ สิ้นปี 2563 รายได้ต่อหัวของประชากรเวียดนามอยู่ที่ 2,750 เหรียญสหรัฐต่อปี อย่างไรก็ตามภายในปี 2568 หรืออีก 4 ปีจากนี้ไป รายได้ต่อหัวประชากรจะเพิ่มขึ้นไป 5,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้การที่ทางการเวียดนามมีนโยบายจะพลิกโฉมประเทศด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตั้งเป้าขึ้นชั้นเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงภายในปี 2588 รายได้ต่อหัวประชากรอยู่ในระดับ 3,996-12,375 เหรียญสหรัฐต่อปี ยิ่งหนุนกำลังซื้อและการบริโภคเติบโตมากขึ้นอีก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจค้าปลีกทั้งของกลุ่มทุนภายในประเทศ
กลุ่มธุรกิจต่างชาติก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาการค้าภายในประเทศของรัฐบาลเวียดนาม
ซึ่งกำหนดไว้ช่วงปี 2564-2568 ตลาดเวียดนามจึงได้รับความสนใจและเป็นที่จับตามองของทุนต่างชาติทั้งชาติในเอเชีย
ยุโรป สหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
ว่าปี 2559-2560 ยอดค้าปลีกและรายได้ในตลาดค้าปลีกเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูงถึง
9.2% ต่อปี จาก 3.5 ล้านล้านเวียดนามด่ง หรือ 150.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
เป็น 4.9 ล้านล้านเวียดนามด่ง ในปี 2562 และมีแนวโน้มจะเติบโตได้ต่อเนื่อง
ขณะที่ยอดค้าปลีกสินค้าอุโภคบริโภคและบริการต่อหัวของเวียดนาม
เพิ่มขึ้นจาก 38 ล้านเวียดนามด่งต่อคน ในปี 2559 เป็น 51.2 ล้านเวียดนามด่งต่อคนในปี
2562 ส่วนตลาดภายในประเทศต่อ GDP ของเวียดนาม เพิ่มขึ้นจาก 10.5% ในปี 2559 เป็น
11.16% ในปี 2562 ตลาดค้าปลีกจึงมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามมากขึ้น
ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เกิดการจ้างงาน 6-7 ล้านคน หรือกว่า 12 % ของแรงงานทั้งหมดภายในประเทศ
ทั้งนี้ สินค้าที่จำหน่ายในระบบค้าปลีกเวียดนามส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ
โดยเฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น อย่างร้าน Co.opmart มีสินค้าเวียดนาม 90% ร้าน Satra มีสินค้าเวียดนาม 90-95% ร้าน VinMart มีสินค้าเวียดนาม 96% ส่วนซุปเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ต่างชาติ
โดยเฉลี่ยมีสินค้าเวียดนามวางจำหน่ายในสัดส่วนมากกว่า 70% ขึ้นไป
อาทิ ห้าง Lotte และ Big C มีสินค้าเวียดนาม
90% ห้าง AEON และ Citimart มีสินค้าเวียดนาม 82-85 %
เพื่อให้การดำเนินเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ
5 ปี ตั้งแต่ปี 2564-2568 ของเวียดนาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม
ได้กำหนดเป้าหมายให้การค้าภายในประเทศมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าภายในประเทศต่อ GDP เป็น 13.5% ในปี 2568
เหตุนี้จึงมีการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ
ในช่วงปี 2564-2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 9-9.5%
ต่อปี ขณะที่สัดส่วนยอดค้าปลีกรวมของสินค้าตามประเภทการค้าแบบสมัยใหม่ภายในปี 2568
จะอยู่ที่ 35-40%
ขณะเดียวกันทางการเวียดนามมีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการค้า
อาทิ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่ให้บริการทางการค้า ร้านสะดวกซื้อ
ร้านค้าเฉพาะทาง ศูนย์โลจิสติกส์ คลังสินค้าขายส่ง และศูนย์แสดงสินค้าในเมืองใหญ่
เท่ากับเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดค้าปลีกเวียดนามเติบโตได้เต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนพัฒนาห้างค้าปลีก
โมเดิร์นเทรด ในเวียดนามส่วนใหญ่เป็นธุรกิจรายใหญ่มีหลากหลายกลุ่มด้วยกัน
อาทิ ศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัล รีเทล
เวียดนาม ของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้แบรนด์ บิ๊กซี ศูนย์การค้า GO! เอมเอ็ม
เมกามาร์เก็ต ของกลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี
ค่ายยักษ์วัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งโมเดิร์นเทรด โฮมโปร รวมทั้งเบอร์ลี่
ยุคเกอร์ ในเครือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ส่วนยักษ์ค้าปลีกต่างชาติ อาทิ
ห้างล็อตเต้ มาร์ท ซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่หนึ่งในสามสัญชาติเกาหลี ห้าง E-Mart จากเกาหลี รวมทั้ง อิออน กรุ๊ป ค้าปลีกจากญี่ปุ่น เป็นต้น
ขณะที่สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 2563
มีการลงทุนของไทยในเวียดนาม 7 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียน 1.27 ล้านเหรียญสหรัฐ
และมีการซื้อหุ้นในธุรกิจเวียดนามมูลค่าราว 40.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันทุนไทยเป็นนักลงทุนในอันดับที่
9 ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะตลาดค้าปลีกเท่านั้นที่ทุนไทยรุกเข้าเวียดนามแชร์ส่วนแบ่งการตลาด
แต่หลายอุตสาหกรรมก็ถูกหมายตา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ฯลฯ
เพราะเศรษฐกิจเวียดนามเวลาโตเร็วเกินคาด
เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย สมแล้วที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในกลุ่ม CLMV