หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ‘ยา’ กับ ‘วิตามิน’ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยา คือสิ่งที่ร่างกายไม่มี ร่างกายเราไม่สามารถผลิตยาเองได้ ดังนั้นยาจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในภาวะร่างกายปกติ ในทางกลับกันยามีไว้ใช้รักษาอาการผิดปกติของร่างกายที่มีอาการรุนแรง เช่น การรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด ซึ่งยามีการออกฤทธิ์ที่เร็ว สามารถระงับอาการต่างๆ ได้ แตกต่างจากการรับประทานอาหารเสริมที่จะเข้าไปช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
หลักการใช้ยาที่ถูกต้อง
เมื่อเรารับประทานยาจนหายป่วยแล้ว
ต้องหยุดใช้ยา หากหายแล้วยังรับประทานยาต่อไปเรื่อยๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
เพราะยาส่วนใหญ่ผลิตจากสารเคมี หากใช้เป็นประจำและเกินความจำเป็น
ท้ายที่สุดอาจเกิดการสะสมในร่างกาย และส่งผลเสียต่อตับและไตได้
“วิตามิน”
สิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้
วิตามิน คือสารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว
และเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้ หากขาดวิตามินแล้ว
ร่างกายจะแสดงความผิดปกติออกมาให้เห็นทันที และเมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น
สามารถตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของการขาดวิตามินได้ และรับประทานวิตามินเสริมเข้าไป
โดยวิตามินแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่
วิตามินบี 1, บี 2, บี 3, บี 5, บี 6, บี 7, บี 9, บี 12 และวิตามินซี โดยวิตามินชนิดนี้จะสามารถอยู่ในร่างกายได้ 2-4 ชั่วโมง ส่วนที่เหลือจากการดูดซึมไปใช้งานก็จะถูกขับออกทางไตโดยการปัสสาวะนั่นเอง
ดังนั้นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ จะมีโอกาสสะสมในร่างกายน้อยมาก
จึงไม่ค่อยมีผลข้างเคียง
2. วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่
วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
ซึ่งจะละลายได้ในไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้
หากได้รับวิตามินเหล่านี้มากเกินไป อาจเก็บสะสมไว้ในร่างกายได้ ผู้ที่รับประทานวิตามินชนิดนี้จึงควรมีช่วงที่หยุดรับประทานบ้าง
เพื่อไม้ให้เกิดการสะสมในร่างกายมากจนเกินไป
วิตามินเป็นอาหารเสริม
ไม่ใช่อาหารหลัก
แม้ว่าการได้รับวิตามินอย่างเพียงพอและเหมาะสมจะสามารถช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกายได้
ช่วยเสริมในส่วนที่ร่างกายขาดได้ หากเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม
แต่การรับประทานวิตามินก็ไม่สามารถมอบสารอาหารอันหลากหลายได้เหมือนอาหารจานหลัก
สำหรับวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและควรได้รับทุกวัน
ได้แก่ วิตามินซี และวิตามินบี ซึ่งเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ
หลังจากดูดซึมไปใช้งานแล้วจะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ ไม่สะสมในร่างกาย
จึงสามารถรับประทานเป็นประจำทุกวันได้อย่างปลอดภัย
ถึงแม้ว่าวิตามินจะไม่สามารถทดแทนอาหารจานหลักได้
แต่วิตามินและแร่ธาตุเสริม 1
เม็ด
มักจะอัดแน่นด้วยปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารที่คนปกติอาจไม่สามารถรับได้จากการรับประทานอาหารเพียง
1 มื้อหรือ 1
วันเพื่อให้ได้สารอาหารเหล่านั้นเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เช่น
ต้องกินฟักทอง 1 ผลเพื่อให้ได้เบตาแคโรทีน 2 มิลลิกรัม เท่ากับการรับประทานเบตาแคโรทีน 1 เม็ด
ซึ่งคนปกติอาจไม่สามารถรับประทานฟักทองได้ถึง 1 ผล
วิตามิน
เกราะป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ
สารอนุมูลอิสระเปรียบเสมือนยาพิษ
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น นอนดึก นอนไม่พอ
สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือเจอกับมลภาวะ เช่น ฝุ่น PM
2.5 ซึ่งความน่ากลัวของอนุมูลอิสระ คือแม้จะไม่ทำให้เกิดโรคในทันที
แต่ทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อม ทำลายเม็ดเลือด ทำลายอวัยวะต่างๆ
และนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในระยะยาว ท้ายที่สุดแล้วการเสริมวิตามินและเกลือแร่
จะเป็นเกราะป้องกันอนุมูลอิสระชั้นดีให้กับร่างกาย
แต่สิ่งที่ควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั่นคือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทำลายสุขภาพ
ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง
แหล่งอ้างอิง : โอฟาร์มทาง www.facebook.com/healthyclub.by.biopharm