ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กระแสรักสุขภาพได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่ดี หรือธุรกิจกลุ่ม Wellness Tech ทำเงินขยายตัวได้เร็วกว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งการขยายตัวของตลาดที่รวดเร็วส่งผลให้เกิดการขยายตัวของประเภทธุรกิจในกลุ่ม Wellness Tech ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงขอมาพูดคุยถึงธุรกิจนี้กันว่า Wellness Tech ตอนนี้เป็นอย่างไร และสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพยังมีโอกาสโตไปได้อีกมากน้อยแค่ไหนในอนาคต
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Wellness Tech
ไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย
หลายคนเมื่อได้ยินคำว่า Wellness Tech มักจะเข้าใจไปว่า เป็นเรื่องสุขภาพร่างกายภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วความหมายของคำว่า Wellness คือ สภาวะในช่วงสุขสมบูรณ์แบบองค์รวม ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา และสังคม นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งว่า เพราะเหตุใดสตาร์ตอัพด้านสุขภาพหรือ Wellness ถึงเติบโตไวและดูท่าจะไปได้ไกลอีกยาว โดยหากจะพูดถึงการเติบโตแบบคร่าวๆ ในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ประมาณปี 2558-2560 ตลาดเกี่ยวกับสุขภาพมีการเติบโตมากถึง 12.8% นับเฉลี่ยต่อปีแล้ว ถือว่าขยายตัวกว่า 6.4% เร็วกว่าเศรษฐกิจตลาดโดยรวมของโลกเกือบ 2 เท่าเลยทีเดียว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
++
10 กลุ่ม Wellness
Tech ที่น่าสนใจ
หากจะแบ่งประเภทของ Wellness Tech ตามที่ CBInsights ได้กล่าวถึงไว้
จะสามารถแบ่งออกได้ประมาณ 15 กลุ่ม แต่เราจะขอยกมาเพียง 10 กลุ่มที่น่าสนใจสำหรับการดำเนินธุรกิจในไทยเท่านั้น
ดังนี้
1. อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) : สตาร์ทอัพกลุ่มนี้
เริ่มต้นจากเรื่องอาหารการกิน เช่น อาหารออร์แกนิก ไม่ใช่ GMO,
โปรตีนทางเลือกอย่างนมหรือเนื้อสัตว์จากพืช, เครื่องดื่มดีท็อกซ์-สมูทตี้,
คอมบูชะ ฯลฯ กลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 2.35-3.4% ต่อปี
2. วิตามินและอาหารเสริม (Vitamins & Supplements) : สตาร์ทอัพในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักทำเกี่ยวกับความงาม ปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาไปถึงวิตามินและอาหารเสริมเฉพาะบุคคล
กลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตขยายตัวเฉลี่ย 10-11.5% ต่อปี
3. โภชนาการเพื่อการออกกำลังกาย (Active Nutrition) : กลุ่มผู้ออกกำลังกายเป็นอีกกลุ่มที่มีการเติบโตสูงขึ้นทุกปี
สตาร์ตอัพกลุ่มนี้จึงเข้ามาเพื่อตอบโจทย์อาหารเกี่ยวกับการทานก่อน-หลังออกกำลังกายโดยเฉพาะ
มีแนวโน้มเติบโตขยายตัวเฉลี่ย 5-10% ต่อปี
4. เทคโนโลยีทางโภชนาการ (Nutrition Tech) : สตาร์ตอัพที่มีการทำแพลตฟอร์มโภชนาการส่วนบุคคล
โดยกำหนดโปรไฟล์ชีวเคมีและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแต่ละบุคคล มีผู้สนใจโดยเฉลี่ย
35-40%
5. เทคโนโลยีฟิตเนส (Fitness Tech) : กลุ่มนี้เน้นไปที่การยกระดับฟิตเนสให้สามารถสะดวกสบายด้วยการออกกำลังกายที่บ้านได้เหมือนฟิตเนส
การจองคลาสหรือเทรนเนอร์
หรือแม้กระทั่งการวิเคราะห์ยีนส์เพื่อออกแบบการออกกำลังกายและโภชนาการให้เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล
6. การแต่งกายและอุปกรณ์เกี่ยวกับชุด
(Athleisure & Connected Apparel) : สตาร์ทอัพกลุ่มนี้เน้นไปที่เครื่องแต่งกายและชุดกีฬา ที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อติดตามประมวลผลการออกกำลังกายได้
7. การนอนหลับ (Sleep) : คนในปัจจุบันมีปัญหาเกี่ยวกับด้านการนอนมากกว่าที่คิด สตาร์ทอัพกลุ่มนี้จึงนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมา
เพื่อส่งเสริมการนอนหลับของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่ที่นอนไปจนถึงหุ่นยนต์ช่วยนอนหลับ
มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเฉลี่ย 7% ต่อปี
8. สุขภาพจิต (Mental Wellness) : อีกหนึ่งกลุ่มประเภทที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
เนื่องด้วยสิ่งต่างๆ ในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพจิตมาก
และค่อนข้างสำคัญต่อชีวิตประจำวัน กลุ่มนี้เน้นไปที่แอปพลิเคชันเพื่อติดตาม
ปรับอารมณ์
หรือให้บริการเชื่อมต่อระหว่างจิตแพทย์และผู้ต้องการรักษาหรือคำปรึกษาที่สะดวกสบายเช่นกัน
9. ความงามและการดูแลตนเอง (Beauty & Personal Care) : หนึ่งในกลุ่มสตาร์ตอัพที่ไม่มีวันตาย แต่ต้องมีการปรับพัฒนาเรื่อยๆ
โดยรวมทั้งตลาดเติบโตสูงขึ้น 6-7.5% ต่อปี
ซึ่งในปัจจุบันนิยมเน้นไปที่การดูแลผิวให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ/สารสังเคราะห์ปลอดภัย
10. การท่องเที่ยวและบริการ (Travel & Hospitality) : โดยปกติแล้วการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างกว้าง ในส่วนนี้จึงเน้นไปที่
Wellness Travel เช่น นวดแผนไทย สปา ศัลยกรรมความงาม ฯลฯ
เป็นโปรแกรมระหว่างมาทริป โดยปกติแล้วประเทศไทยมีการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง 7% ต่อปี
Wellness Tech กับโอกาสโตหลังช่วงโควิด 19
โดยปกติแล้ว Wellness Tech ถือเป็นอีกกลุ่มที่มีตลาดค่อนข้างใหญ่
คิดมูลค่ารวมได้ประมาณ 65,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6-7.5% ต่อปี แต่เมื่อเจอผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้ต้องใช้งบเพื่อทำการตลาดโปรโมตหนักขึ้น
หรือการเติบโตอาจน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้
แต่สิ่งนี้เป็นอีกเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจดูแลตัวเองและสุขภาพมากขึ้น เชื่อว่า
หลังจากผ่านช่วงโควิด 19 ไปแล้ว
มีโอกาสที่กลุ่มธุรกิจ Wellness จะกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อีกครั้ง
ประมาณ 10-20% เลยทีเดียว โดยกลุ่มที่น่าสนใจที่สุดเป็น
การนอนหลับ, ความงาม และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย ฯลฯ
หากจะเปรียบภาพของตลาด Wellness Tech ก็คงจะเปรียบได้กับตลาดสดที่ยังคงคึกคักเสมอ ไม่มีวันตาย แม้ว่าจะเจอพิษเศรษฐกิจเดิมหรือจากช่วงโควิด 19 แพร่ระบาดก็ตาม เพียงแต่แนวโน้มที่ธุรกิจของคุณจะเติบโตขึ้นแต่ละปี ไปพร้อมกับภาพรวมของตลาดแต่ละกลุ่มได้หรือไม่ อยู่ที่การปรับตัวและการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ของคุณด้วยว่า จะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากน้อยเพียงใด
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
สุขภาพดีน้ำหนักลดด้วย “กฎการกินแอปเปิล”
จากน้ำดื่มบรรจุขวดสู่ Functional Drink ตลาดนี้นับวันยิ่งแข่งกันเดือด