จากที่ประชุม COP 21 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ได้รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) เมื่อวันที่ 12
ธันวาคม 2558 โดยเป็นตราสารกฎหมายที่รับรองภายใต้กรอบอนุสัญญา UNFCCC ฉบับล่าสุด ต่อจากพิธีสารเกียวโตและข้อแก้ไขโดฮา
เพื่อกำหนดกฎกติการะหว่างประเทศที่มีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น สำหรับการมีส่วนร่วมของภาคีในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยมุ่งเสริมสร้างการตอบสนองต่อภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก
ในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืนและความพยายามในการขจัดความยากจน
กล่าวได้ว่า ภายใต้ข้อตกลงปารีสซึ่งเป็นอีกก้าวไปสู่โลกที่ปล่อยคาร์บอนในปริมาณต่ำ แม้หลายคนจะมองว่าการบรรลุเป้าหมายเป็นเรื่องยาก ในเมื่อกลไกเดียวที่มีอยู่ยังเป็น ‘ความสมัครใจ’ ของแต่ละประเทศที่จะจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยที่ไม่มีแนวทางกำหนดความเข้มงวดของข้อจำกัดเหล่านั้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ถึงกระนั้นข้อสงสัยในข้างต้นอาจเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว
เพราะถึงวันนี้เห็นชัดว่าแม้จะอยู่ภายใต้ ‘การสมัครใจ’ ของแต่ละประเทศเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ทว่าหลายๆ
ประเทศต่างมีมาตรการที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะเริ่มตระหนักซึ่งวิกฤต Climate
Change ที่โลกอาจต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในอนาคตในด้านสภาพอากาศ
ด้วยเหตุนี้ประเด็นการทำธุรกิจที่มีความยั่งยืนในปัจจุบันนี้
จึงไม่ใช้แค่การกล่าวสวยหรูอีกต่อไป แต่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ
ดังนั้นภาคธุรกิจจะต้องเตรียมพร้อมให้เร็วที่สุด
ล่าสุด ข้อมูลจากธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงาน
“World Bank Outlook 2050 Strategic Directions
Note : Supporting Countries to Meet Long-Term Goals of Decarbonization” ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินการทั้งระบบเศรษฐกิจ (economy-wide
actions) เพื่อเอื้อให้เกิดการลดคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในการฟื้นฟูจากการแพร่ระบาดของโควิด
19 ทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ
ปรับแนวทางการพัฒนาของตนให้สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านยุทธศาสตร์ระยะยาว
ในการส่งเสริมความยืดหยุ่นของสภาพภูมิอากาศต่อระบบอาหารและน้ำ พลังงาน การขนส่ง
และเมือง รวมถึงภาคส่วนอื่น ๆ
ในรายงานได้เรียกร้องให้มียุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
โดยยุทธศาสตร์ต้องกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ
สามารถสร้างงานแห่งอนาคต ในขณะที่ต้องรักษาสภาพอากาศให้มากขึ้น
โดยในรายงาน Outlook 2050 มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการให้เกิดการปรับด้านการเงิน
ให้สอดคล้องกับเส้นทางไปสู่การปล่อยมลพิษต่ำและการพัฒนาที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ
โดยเสนอแนวทาง “เศรษฐกิจโดยรวม” ผ่านทิศทางยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
1. การให้ความสำคัญของสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
ไว้ในกรอบเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ
2. การวางแผนด้านสภาพภูมิอากาศระยะยาว
ไว้ในงบประมาณและกรอบการใช้จ่ายของประเทศ
3. การระบุวัตถุประสงค์ด้านสภาพภูมิอากาศระยะยาว
ไว้ในกฎระเบียบและมาตรการจูงใจในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงิน
4. การระบุวัตถุประสงค์ด้านสภาพอากาศระยะยาว
ไว้ในการวางแผนระบบต่างๆ
ทั้งได้ระบุถึงโอกาสของภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องที่มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(SDGs) 8 ภาคส่วน ได้แก่
1) ระบบอาหาร
2) การปกป้องระบบนิเวศบนพื้นดินและอ่างคาร์บอน
3) ระบบพลังงาน
4) ระบบขนส่ง
5)
การสร้างเมืองคาร์บอนต่ำและมีความยืดหยุ่นของเขตพื้นที่เมืองมากขึ้น
6) ระบบน้ำ
7) เศรษฐกิจมหาสมุทร (ocean economy
8) การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล
โดยในรายงาน Outlook 2050 ระบุว่าการลงทุนภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด19
จะเป็นไปอย่างยั่งยืน
บ่อยครั้งที่เรานำเสนอรายงานและบทวิเคราะห์ด้านการจัดการความยั่งยืนของโลก
ซึ่งเป็นกระแสที่มีการเรียกร้องในปัจจุบัน ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ได้เห็นชัดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
เพราะอย่างที่ทราบว่ามาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีในปัจจุบันของหลายประเทศมีความเข้มข้นมาก
โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ยุโรป หรือแม้แต่ในตะวันออกกลางบางประเทศ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนสินค้า
บรรจุภัณฑ์ แหล่งซัพพลาย กระบวนการผลิต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จะช่วยสร้างโอกาสในตลาดต่างประเทศ แถมยังช่วยโลกได้อีกด้วย
รายงานฉบับเต็ม https://openknowledge.worldbank.org/
แหล่งที่มา : World Bank Report Maps Strategic Directions Towards Decarbonization