‘ตลาดสายมู’ (มูมาร์เก็ตติ้ง) มาแรงในตลาดไต้หวัน โอกาสปั้น Story Telling ความขลัง ไทย เจาะใจเทรนด์ Magic Economy

SME Update
26/12/2023
รับชมแล้วทั้งหมด 1976 คน
‘ตลาดสายมู’ (มูมาร์เก็ตติ้ง) มาแรงในตลาดไต้หวัน โอกาสปั้น Story Telling ความขลัง ไทย เจาะใจเทรนด์ Magic Economy
banner
เรื่องราวความเชื่อ และ ความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน จนถูกหลอมรวมกลายเป็นวิถีการดำเนินชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล 
บทความนี้ Bangkok Bank SME จะพาไปทำความรู้จักกับ‘ตลาดสายมู’ (มูมาร์เก็ตติ้ง)  พร้อมกลยุทธ์การปั้นแบรนด์ด้วย Storytelling โดยผูกความเชื่อเข้ากับโอกาสทางธุรกิจ ดังนี้



สายมู หรือ มูเตลู คืออะไร

คำว่า “มูเตลู” หรือ “สายมู” สันนิษฐานว่าเป็นคำที่ผวนมาจากชื่อภาพยนตร์ของอินโดนีเซีย เรื่อง Penangkal limu Teluh (ภาษาอังกฤษชื่อว่า Antidote for witchcraft) ชื่อไทยคือ “เมเตลู ศึกไสยศาสตร์” กำกับโดย S.A Karim ออกฉายเมื่อปี ค.ศ.1979 (innnews, 2564)



ภาพยนตร์อินโดนีเซีย เรื่อง Penangkal limu Teluh ชื่อไทยคือ “เมเตลู ศึกไสยศาสตร์”
ภาพจาก https://file.indonesianfilmcenter.com/filmdata/images/cover/

กระแสมูเตลู ได้รับการกล่าวถึงในฐานะเป็นความเชื่อในวัตถุและเครื่องรางของขลังที่ทำให้เกิดโชคลาภ และประสบความสำเร็จในชีวิต โดยเริ่มจากกำไลข้อมือและตะกรุดแฟชั่นที่ศิลปินและผู้มีชื่อเสียงในสังคมนำมาใส่ประดับเพื่อความสวยงาม พร้อมกับเป็นเครื่องนำโชค ซึ่งเป็นการผสมรวมระหว่างงานศิลปะกับความเชื่อเรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติ ที่มีพลังวิเศษดลบันดาลให้ผู้สวมใส่ได้รับสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเงิน การเรียน ความรัก และเสริมดวงชะตาให้ประสบความสำเร็จและรอดพ้นจากอันตราย 



ปรากฎการณ์เหล่านี้ คือความเชื่อที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน พบเห็นได้ในหลายสังคม เช่น ในประเทศฮ่องกง มีการไหว้พระขอโชคลาภที่วัดแชกง หมิว ขอพรเรื่องการเรียนและการงานที่วัดหมั่นโหม่ ในไต้หวัน มีการไหว้พระขอเนื้อคู่จากเทพเฒ่าจันทราที่วัดหลงซาน ในญี่ปุ่น มีการนิยมพกเครื่องรางนำโชคที่เรียกว่าโอมาโมริ (Omamori) เป็นถุงผ้าไหมขนาดเล็กปักลวดลายสวยงาม ภายในถุงมีเครื่องรางทำด้วยกระดาษ ไม้ ผ้าและเหล็ก 



ในประเทศไทย มีการไหว้พญานาค ท้าวเวสสุวรรณ ไอ้ไข่ การพกปลัดขิก เป็นต้น ในสังคมตะวันตก มีความเชื่อในเครื่องรางนำโชค เช่นสัญลักษณ์รูปเกือกม้า เครื่องรางตาข่ายดักฝันร้าย และเครื่องรางดวงตาปีศาจ (ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ, 2565)



เครดิตภาพจาก : https://www.ditp.go.th/post/154188

ทั้งนี้ ความเชื่อเฉพาะบุคคลอย่าง ‘มูเตลู’ ซึ่งเป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับดวงชะตา คนไทยและคนเอเชียมาช้านาน และยังได้รับความสนใจอยู่เสมอ อย่างที่ทราบดีว่า ทุกวันนี้รอบตัวผู้บริโภคถูกล้อมด้วยคอนเทนต์ที่สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์  ทั้งรายการโทรทัศน์, YouTube, Facebook, ทวิตเตอร์  และอีกมากมาย ซึ่งความเชื่อ โชคลาง ความศักดิ์สิทธ์ ได้ถูกหยิบยกมาสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น เพื่อเป็นสิ่งที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ และปัญหาอื่น ๆ หากธุรกิจนำมาปรับใช้ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับสายมูโดยเฉพาะ ก็น่าสนใจไม่น้อย 

ข้อมูลอินไซต์จากงานสัมมนา ‘Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น’ โดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยข้อมูลด้านพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงที่เกิดวิกฤตการระบาดนี้วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) เผยข้อมูลงานวิจัย "Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น" พบหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความกังวลและรู้สึกถึงความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น โรคอุบัติใหม่และโรคระบาด เช่น โควิด-19 อันตรายจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะล้นโลก ฯลฯ ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ 3 สิ่ง ได้แก่ คนไทยหันหน้าพึ่งสายมู หรือมีความเชื่อโชคลาง (Superstitious) เกิดความเชื่อในอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) และนิยมพูดคุยคลายเหงาในคอมมูนิตี้ออนไลน์ (Online Community

ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า เมื่อโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะด้านใด ๆ ก็ตาม โดยธรรมชาติของมนุษย์ก็จะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอด อันจะเห็นได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ที่เกิดขึ้นไปทั่วโลกได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลากหลายด้าน ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ภาคธุรกิจต่าง ๆ ต้องมีการปรับกลยุทธ์การตลาดให้เท่าทันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น 

จากความกังวลและความไม่แน่นอนดังกล่าว ทำให้คนไทยในทุกกลุ่มเจเนอเรชันต้องหาวิธีจัดการกับความรู้สึกซึ่งพบว่าคนไทยหันหน้าพึ่งความเชื่อโชคลาง (Superstitious) 

5 อันดับความเชื่อโชคลางที่มีผลต่อคนไทยมากที่สุดคือ 

1.พยากรณ์ โหราศาสตร์ ลายมือ ไพ่ยิปซี 
2.พระเครื่องวัตถุมงคล 
3.สีมงคล 
4.ตัวเลขมงคล 
และ 5.เรื่องเหนือธรรมชาติ ตามลำดับ 

คุณอนัญญา โตแสงชัย ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร บจ.โฮโรโซไซตี้ กล่าวถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค และการทำตลาดสายมูว่า การตลาดสายมู (Muketing) เป็นรูปแบบการตลาดที่สามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้ในทุกระดับฐานะ ทุกเพศทุกวัย ทุกสายอาชีพ คอนเทนต์ประเภทนี้มักได้รับความนิยมและมี Engagement ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคอนเทนต์ประเภทอื่น

นอกจาก การตลาดสายมู (Muketing) ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว การตลาดที่ใช้นักพยากรณ์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือ KOL (Key Opinion Leader) สามารถสร้างกระแสความนิยม (Trend) สร้างอัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retaining Rate) และดึงดูดกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล 

โดยมีกรณีศึกษาจากเครือข่ายมือถือ 3 ยักษ์ใหญ่ ที่หลายปีมานี้ต่างก็แข่งขันกันด้วยกลยุทธ์ ‘เบอร์มงคล’ โดยใช้นักพยากรณ์ชื่อดังของเมืองไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่ง แมน-การิน ศตายุส์ ก็เป็นหนึ่งคนที่โด่งดัง และประสบความสำเร็จจากแคมเปญ ‘เบอร์เสริมชีวิต’ ของเอไอเอส ที่คัดสรรเบอร์มงคลให้กับผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านเบอร์ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยเบอร์มงคลนั้นยังคงเป็น Segment ใหญ่ของ “การตลาดสายมู” (Muketing) ที่สามารถสร้างมูลค่าสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง 

อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตามอง คือ ‘ศรัทธา.online’ ซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ‘Line hackathon’ โดยลูกค้าสามารถขอพร – แก้บน – เช็คดวง ฯลฯ ได้ง่าย ๆ ผ่านแพลตฟอร์มนี้ ถือเป็นการปรับตัวรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคได้น่าสนใจ โดยเป็นการทำความเข้าใจ pain point ของคน ด้วยแนวคิดว่า โลกที่หมุนไปตามอินเทอร์เน็ต จะทำอย่างไรให้มาผูกกับความเชื่อเหล่านี้ได้ จึงเป็นที่มาของธุรกิจดังกล่าว



เครดิตภาพจาก : https://www.sattha.online/

บนเว็บไซต์ ‘ศรัทธา.online’  ประกอบด้วยบริการสิ่งที่ผู้ใช้งานอยากขอพร หรือบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น  แพ็คเกจเน้นความรัก, การงาน, การเงิน ไปจนถึงการแก้ปีชง เป็นต้น

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า หลังจากที่เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2566 University of Exeter ของอังกฤษได้ประกาศเปิดหลักสูตรระดับปริญญาโทในสาขา Magic and Occult Science (ศาสตร์แห่งเวทมนตร์และไสยศาสตร์) ทำให้กระแสเกี่ยวกับเวทมนตร์และไสยศาสตร์ได้รับความสนใจไปทั่วโลกรวมถึงในไต้หวันด้วย

โดยมีการประมาณการว่ามูลค่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การดูดวง และการซื้อขายสินค้าเครื่องรางของขลัง คิดเป็นมูลค่ารวมทั่วโลกสูงถึง 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่มีผลการวิจัยในต่างประเทศชี้ว่า เมื่อ 20 กว่าปีก่อน จำนวนผู้ที่มีความเชื่อในเวทมนตร์และไสยศาสตร์ในสหรัฐฯ มีจำนวนประมาณ 134,000 คนเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2 ล้านกว่าแล้ว

โดยบนแพลตฟอร์ม Etsy ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซสำหรับสินค้าออกแบบและไลฟ์สไตล์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก็มีผู้ขายที่เน้นการขายสินค้าเกี่ยวกับ Magic Industry มากกว่า 36,000 ราย ในขณะที่ #WitchTok ก็มียอดคลิกชมสะสมเกือบ 50,000 ล้านครั้งบน TikTok ด้วย



เครดิตภาพจาก : https://www.etsy.com/search?q=mutelu&ref=search_bar

สำหรับ University of Exeter ซึ่ง J.K. Rowling นักประพันธ์ชื่อดังที่เป็นผู้แต่งนวนิยายเรื่อง Harry Potter เป็นศิษย์เก่าที่จบการศึกษาจากที่นี่ โดย University of Exeter ประกาศว่า หลักสูตรด้านศาตร์แห่งเวทมนตร์และไสยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย จะเริ่มเปิดสอนตั้งแต่ปีการศึกษา 2024 (เปิดเทอมเดือนกันยายน 2567) เป็นหลักสูตรที่ใช้เวลาเรียน 1 ปี ซึ่งจะมีการเรียนการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเวทมนตร์และไสยศาสตร์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงวรรณกรรม ปรัชญา ละคร ศาสนาและความเชื่อต่าง ๆ 

รศ.ดร. หนิ่วเจ๋อสวิน ประจำภาควิชาการโฆษณาของมหาวิทยาลัย Chinese Culture University ในไทเป
ชี้ว่า หากพิจารณาจากมุมมองด้านการตลาดแล้ว การประกาศเปิดหลักสูตรด้านเวทมนตร์และไสยศาสตร์ของ University of Exeter ถือเป็นการสร้างเอกลักษณ์และเป็นจุดขายที่สำคัญของทางมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดจากการที่ J.K. Rowling เป็นศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้ จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงได้อย่างกลมกลืน 

ดร.เจิ้งอิ้นจวิน หัวหน้าภาควิชาศาสนศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Fu Jen Catholic University ก็ให้ความเห็นว่า การเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนในแบบนี้ ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการด้านจิตวิญญาณในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ จะต้องอยู่บนรากฐานที่เกี่ยวพันกับวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วย จึงจะไปด้วยกันได้ โดยที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ผู้สนใจจะทำการเรียนรู้ด้วยตนเอง จึงทำให้เป็นการเรียนแบบไม่ครบถ้วน การที่สามารถใช้หลักทางวิชาการมารวบรวมสิ่งเหล่าอย่างมีรูปแบบและมีมาตรฐาน เชื่อว่าจะทำให้สามารถพัฒนาและต่อยอดให้เกิดโอกาสและสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ส่วนการเปิดหลักสูตรแบบเดียวกันนี้ในไต้หวันมีความเป็นไปได้สูง เพราะไต้หวันเองก็มีวัฒนธรรมท้องถิ่นในแบบตะวันออก ทั้งการทรงเจ้า ไหว้เจ้า รวมถึงการดูดวง และการซื้อขายวัตถุมงคลในแบบของตัวเองเช่นกัน

นอกจากนี้ ในงานแสดงสินค้า PINKOI Design Fest 2023 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับสินค้าออกแบบที่จัดขึ้นในไทเประหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็มีผู้ร่วมจัดแสดงที่เป็นหมอดูไพ่ทาโรต์ คือ Alp Kirin ซึ่งออกผลิตภัณฑ์เทียนหอมและน้ำหอมของตัวเอง และได้รับความสนใจจากผู้มาเยี่ยมชมงานเป็นจำนวนมาก โดยสินค้าของ alp-prophet มีวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มของ PINKOI ที่เป็นแพลตฟอร์มอี-คอนเมิร์ซชื่อดังของไต้หวันสำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์ของไต้หวันด้วย (ที่มา : TVBS / Business Weekly (November 20, 2023))


สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ให้ความเห็นและเสนอแนะเรื่องนี้ว่า การเปิดหลักสูตรด้านเวทมนตร์และไสยศาสตร์อย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยอังกฤษในครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้กับโลกแห่งเวทมนตร์และไสยศาสตร์ไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งงมงาย เมื่อผ่านการค้นคว้าวิจัยทางวิชาการ ก็จะทำให้กลายเป็นสิ่งที่มีแบบแผนและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น 

โดยที่ผ่านมา ชาวไต้หวันซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนที่มีทั้งการทรงเจ้าและไหว้เจ้า และนิยมไปไหว้พระพรหมเอราวัณในยามที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ทำให้มีการตั้งศาลพระพรหมทั่วไต้หวันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้วัตถุมงคล เช่น พระเครื่องและตะกรุด ของไทยได้รับความนิยมในหมู่ชาวไต้หวันจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ดังจะพบเห็นร้านให้เช่าวัตถุมงคลของไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งช่องทางออนไลน์ คือ แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซและช่องทางออฟไลน์ คือ ร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้กับศาลพระพรหมตามที่ต่าง ๆ และร้านค้าที่อยู่ตามตลาดนัดกลางคืนใหญ่ ๆ

การที่ไทยมีรากฐานทางวัฒนธรรมและมีความเชื่อท้องถิ่นที่สอดคล้องกับกระแสของ Magic Economy ทำให้หากสามารถสร้างแบบแผนและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในเชิงวิชาการได้ เชื่อว่า จะกลายเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่มีศักยภาพของไทยในตลาดไต้หวันและตลาดเอเชียได้ 



ดังเช่นตัวอย่างของ Alp Kirin ที่แสดงให้เห็นว่า สินค้าออกแบบและไลฟ์สไตล์ที่ผ่านการ Blessing สามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้เป็นอย่างมาก เพราะมีทั้ง Story และการสร้างคุณค่าทางจิตใจ จึงถือเป็นความสอดคล้องต่อกระแสนิยมของการบริโภคสมัยใหม่ ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับคุณค่าที่มองไม่เห็นของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมากเช่นกัน

อ้างอิง : 



Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1367 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1750 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1963 | 25/01/2024
‘ตลาดสายมู’ (มูมาร์เก็ตติ้ง) มาแรงในตลาดไต้หวัน โอกาสปั้น Story Telling ความขลัง ไทย เจาะใจเทรนด์ Magic Economy