กลยุทธ์การเป็นผู้นำ 'เครือแสงทองผ้าใบ' ผู้นำด้านงานกันสาดและผ้าใบ ที่คนไทยคุ้นเคยมานานกว่า 40 ปี
‘เครือแสงทองผ้าใบ’ เสริมแกร่งโครงสร้างองค์กรด้วยธรรมนูญครอบครัว จากกิจการผ้าใบและกันสาด สำหรับกันแดดและกันฝน เมื่อ 40 กว่าปีก่อน จนมีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
คุณฐานุพงศ์ วุฒิอารีย์ชัย กรรมการบริหาร บริษัท แสงทองผ้าใบ กันสาด จำกัด ในเครือแสงทองผ้าใบ เปิดเผยถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จว่า บริษัทเกิดขึ้นจากธุรกิจครอบครัว (Family Business) ซึ่งมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง โดยมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทำธุรกิจผ้าใบและกันสาด สำหรับกันแดดและกันฝน ตลอดจนอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องจนประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี

โดยที่ผ่านมาได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าและผู้ใช้บริการจึงทำให้มีการเติบโตด้านรายได้มาอย่างมั่นคงแข็งแกร่งจวบจนปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 3 บริษัทภายใต้เครือแสงทองผ้าใบ (SANGTHONG GROUP) ซึ่งประกอบด้วย

1. บริษัท แสงทองผ้าใบ จำกัด ดำเนินธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ในการจัดงานต่าง ๆ พร้อมดูแลด้วยทีมงานมืออาชีพ เช่น เต็นท์ผ้าใบ, เต็นท์ทรงจั่ว, เต็นท์ทรงโค้ง, เต็นท์ทรงพีระมิด, เต็นท์ทรงฟูจิ, เต็นท์ทรงปั้นหยา, เต็นท์โครงใหญ่, เต็นท์อะลูมิเนียมหรูระดับ Premium, เต็นท์ติดแอร์, เต็นท์อุโมงค์, เต็นท์โกดัง, โต๊ะ, เก้าอี้, โซฟา, พัดลม, แอร์เคลื่อนที่ สายไฟและหลอดไฟ อุปกรณ์ประดับตกแต่งเวทีจัดงาน, พรม, อุปกรณ์สงฆ์ และสุขาเคลื่อนที่ เป็นต้น

2. บริษัท สหแสงทองกันสาดอะลูมีเนียม จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายแผ่นกันสาดอะลูมิเนียมเคลือบสีคุณภาพสูงที่ผลิตจากประเทศอิสราเอล มีคุณสมบัติมีน้ำหนักเบาและไม่เป็นสนิม ซึ่งถือเป็นรายใหญ่ในประเทศไทย

3. บริษัท แสงทองผ้าใบ กันสาด จำกัด ดำเนินธุรกิจออกแบบด้านงานผ้าใบสำหรับกันแดดและกันฝนทุกชนิด รวมถึงสินค้าสุดยอดนวัตกรรมทางด้านสถาปัตย์และวิศวกรรม อาทิ หลังคาผ้าใบแบบเปิดและปิดได้ หลังคาผ้าใบแรงดึงสูง ด้วยทีมงานที่มีความชำนาญ มีการออกแบบโดยสถาปนิก ทีมผลิตและติดตั้งที่มีประสบการณ์สูง ตลอดจนมีโรงงานมาตรฐานและเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัยทั้งทางด้านการตัดการเชื่อมและเย็บผ้าใบ ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยสามารถทำงานในรูปแบบ Customize ได้ตามใจลูกค้า
‘ในอดีตที่ผ่านมาธุรกิจทุกอย่างจะอยู่รวมในบริษัทเดียวกันหมด แต่เมื่อมีการเติบโตเรื่อย ๆ เราจึงได้จัดโครงสร้างธุรกิจใหม่โดยจดทะเบียนเป็นบริษัทแยกจากกันแต่อยู่ในภายใต้เครือแสงทองผ้าใบ เพื่อให้เข้าถึงง่ายและสามารถสร้างการจดจำต่อลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และเกิดความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น’

ฐานุพงศ์ วุฒิอารีย์ชัย กรรมการบริหาร บริษัท แสงทองผ้าใบ กันสาด จำกัด
กลยุทธ์ที่ทำให้เติบโตได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับบริษัท แสงทองผ้าใบ จำกัด ก่อนหน้านี้แม้จะมีรายได้ที่ดีจากการให้เช่ามาอย่างต่อเนื่องแต่เมื่อเกิดโรคโควิด 19 ทำการจัดงานต่าง ๆ ต้องถูกเลื่อนไปอย่างมีกำหนดทำให้รายได้หลักจากการให้เช่าเต็นท์และอุปกรณ์จัดงานหายไปด้วย จึงต้องปรับแผนงานใหม่ไปเป็นการให้เช่าเต็นท์ที่ใช้สำหรับโรงพยาบาลสนามมากขึ้นจึงทำให้มีรายได้กลับมา รวมทั้งการนำเข้าเต็นท์ระดับ Premium เข้ามาเพื่อรองรับการจัดงานสปอร์ตอีเวนต์ขนาดใหญ่ ที่ต้องการมาตรฐานระดับสากลยังได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้จัดงานซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายงานส่วนนี้เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่บริษัท สหแสงทองกันสาดอะลูมิเนียม จำกัด ที่มีรายได้จากนำเข้าและจัดจำหน่ายแผ่นกันสาดอะลูมิเนียมเคลือบสีคุณภาพสูงที่มีดีไซน์ทั่วไป เนื่องจากปัจจุบันมีการเข้ามาของเมทัลชีทและเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น จึงทำให้บริษัทมีการขยายไปสู่งาน Customize และทำดีไซน์ให้ได้ตามใจลูกค้ามากขึ้น
ส่วนบริษัท แสงทองผ้าใบ กันสาด จำกัด เนื่องจากเป็นการทำงานในรูปแบบ Customize ปัจจุบันจึงมีการมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับงานออกแบบให้มีดีไซน์สวยงามมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีนวัตกรรมที่ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน ป้องกันทั้งเชื้อราและแสง UV พร้อมกับมีความหรูหราดูดี สามารถติดตั้งและใช้งานได้กับที่พักระดับ 5 ดาวได้ ที่สำคัญบริษัทนี้ยังได้รับ ISO 9001 ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานบริหารงานคุณภาพระดับสากลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพในองค์กร ช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานจากธุรกิจครอบครัว (Family Business) สู่การบริหารงานที่มีโครงสร้างแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ยกระดับธุรกิจครอบครัวสู่การบริหารงานแบบมืออาชีพ
คุณฐานุพงศ์ เล่าถึงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากเครือแสงทองผ้าใบ เกิดขึ้นจากธุรกิจครอบครัว (Family Business) ซึ่งมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง ซึ่งในอดีตนั้นเมื่อทายาทธุรกิจหรือลูกแต่ละคนเรียนจบแล้ว คุณพ่อและคุณแม่ก็จะเปิดกิจการแล้วยกให้ลูกแต่ละคนดูแล แต่เมื่อถึงคราวที่ทายาทธุรกิจต้องแต่งงานมีครอบครัวย่อมต้องมีสมาชิกเพิ่มขึ้น และมีปัญหาเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์เพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ตนเองซึ่งเป็นทายาทธุรกิจที่เรียนจบด้านการบริหารธุรกิจและมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างการทำธุรกิจอยู่แล้วจึงมีความเข้าใจในปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเล็งเห็นว่าต้องมีการนำเสนอคุณพ่อและคุณแม่เรื่องการจัดทำธรรมนูญครอบครัว ซึ่งเป็นการสร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว ช่วยป้องกันปัญหาความขัดแย้ง อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการจ้างที่ปรึกษาให้เข้ามาช่วยให้คำแนะนำ
ซึ่งส่งผลให้เกิดการวางแผนและจัดการเรื่องต่าง ๆ ระหว่างครอบครัว และธุรกิจครอบครัว (Family Business) ทั้งสิทธิและหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัวหรือทายาทธุรกิจแต่ละคน รวมไปถึงนโยบายการเข้าทำงานของสมาชิกในธุรกิจครอบครัว ช่วยสร้างในการบริหารจัดการธุรกิจและทรัพย์สินให้มีความชัดเจน เป็นธรรม และมีการเปิดเผยอย่างโปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทนหรือสวัสดิการ สำหรับคนที่ทำงานและไม่ได้เข้ามาทำงาน เช่น การจ่ายค่าเทอมลูก หรือการจ่ายค่าประกันชีวิตของสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น


จัดสรรงานให้ตรงกับความเชี่ยวชาญของสมาชิกครอบครัว
ขณะเดียวกัน ต้องมีการจัดสรรงานให้สอดคล้องและเหมาะสมตรงตามความสามารถของสมาชิกครอบครัวแต่ละคน เช่น ลูกบางคนอาจมีความสามารถและถนัดในด้านการบริหารงานบัญชี, ลูกบางคนอาจมีความสามารถและถนัดในด้านการควบคุมการผลิต, ลูกบางคนอาจมีความสามารถและถนัดในด้านการบริหารจัดการภาพรวม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต้องมีการจัดสรรให้สอดคล้องตามความถนัดและเชี่ยวชาญ และต้องมีการทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้
นอกจากนี้ หากพบว่างานบางประเภทสมาชิกในครอบครัวไม่มีทักษะหรือยังไม่มีความเชี่ยวชาญที่จะดูแลงานด้านนั้น สมาชิกในครอบครัวในฐานะบอร์ดบริหารต้องมีการหารือกันเพื่อจัดหาบุคลากรมืออาชีพที่เป็นคนนอกเข้ามาช่วยทำงาน อาทิ ผู้จัดการฝ่ายผลิต ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายขาย และฝ่ายการตลาด ซึ่งพร้อมกับมอบสวัสดิการที่เป็นแรงจูงใจทำให้คนอยากร่วมงานกับองค์กรด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือนหรือวันหยุดตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ทายาทธุรกิจหรือผู้บริหารรุ่นใหม่ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจสร้างผลงานเพื่อสร้างการยอมรับ รวมทั้งต้องสื่อสารให้เกิดความเข้าใจและชี้ให้เห็นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นโดยมีท่าทีที่ประนีประนอมกับรุ่นคุณพ่อและคุณแม่ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจ เพื่อหาจุดร่วมสู่แนวทางในการพัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้อาจต้องใช้เวลาแต่หากมีการผลักดันอย่างต่อเนื่อง ย่อมสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

วัฒนธรรมการทำงานมืออาชีพเสริมแกร่งโครงสร้างธุรกิจ
คุณฐานุพงศ์ เล่าต่อว่า ภายหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมจัดสรรงานให้สอดคล้องและเหมาะสมตรงตามความสามารถของสมาชิกครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องมีการปรับตัวให้สอดรับกับการทำงานในยุคปัจจุบันซึ่งมีการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง โดยมีการนำซอฟต์แวร์ ERP ระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร
รวมถึงการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของทางภาครัฐเพื่อพัฒนาศักยภาพการทำงานภายในบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาธุรกิจของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งทางกรมฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาคอยให้คำแนะนำและช่วยวางโครงสร้างการทำงานภายในองค์กรพร้อมแยกส่วนงานและตั้งแผนกให้มีความชัดเจน เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล, Digital Marketing, Operation และ Logistics เป็นต้น พร้อมกับปรับ Job Description กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ และขอบเขตของตำแหน่งงาน ตลอดจนมีการปรับโครงสร้างด้านค่าจ้างแรงงานให้มีมาตรฐาน เพื่อดึงดูดให้คนมีความสามารถมาร่วมงานกับองค์กร

ใช้ Digital Marketing ชิงส่วนแบ่งตลาดในยุคปัจจุบัน
ส่วนเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาด ปัจจุบันตนได้ให้ความสำคัญกับการตลาดออนไลน์เป็นอย่างยิ่ง โดยมีทีมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Digital Marketing คอยจัดการดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ Content ที่มีเนื้อหาสาระให้ความรู้ควบคู่ไปกับการนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์ Facebook และ YouTube ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคในการทำ SEO ที่สามารถสื่อสาร Marketing ไปยังกลุ่มเป้าหมายและวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน ยังต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง Customer Data หรือข้อมูลลูกค้า ที่ให้ไว้ขณะการเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจตามโอกาสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนามบัตร การลงทะเบียนผ่านช่องทาง Website หรือข้อมูลที่ได้จากการซื้อสินค้า แล้วอาจนำมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในการขายสินค้า เช่น การส่ง Direct Mail และ E-Newsletters ไปเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการหรือสร้างความสัมพันธ์ลูกค้า

เดินหน้าต่อยอดธุรกิจสู่การบริการครบวงจร
คุณฐานุพงศ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะสร้างพาร์ทเนอร์ชิพกับผู้ประกอบการธุรกิจให้เช่าเต็นท์ตามหัวเมืองใหญ่ต่าง ๆ โดยจะนำเสนอเต็นท์ Premium ที่มีออปชันเสริมอย่างเต็นท์ติดแอร์และเต็นท์กระโจม ไว้คอยรองรับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ซึ่งต้องการเช่าเต็นท์ของแสงทองผ้าใบ หรืออาจสร้าง Warehouse แล้วจัดหาฝ่ายขายในพื้นที่มาดูแล เพื่อความคล่องตัวในการบริหารและจัดการ ซึ่งรูปแบบนี้ล่าสุดตนได้ร่วมมือกับทุนต่างชาติ โดยทุนต่างชาติจะเป็นฝ่ายลงทุนนำเต็นท์มาตรฐานสากลมา STANDBY ไว้ที่ประเทศไทย เมื่อมีดีมานด์จากประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการเต็นท์คุณภาพสูง ตนก็จะเป็นฝ่ายจัดหาทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญไปทำงานดังกล่าว ซึ่งช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสในการทำรายได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ตนยังมีแผนที่จะขยายงานไปในส่วนของการประสานงานออแกไนซ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดงานให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบริการจัดแสง สี เสียง หรือจัดหาพิธีกร รวมทั้งการเปิดร้านจำหน่ายสินค้า DIY สำหรับแต่งบ้านและสวนที่มีความสวยงามทนทาน ตลอดจนการผลิตกระเป๋าผ้าคุณภาพสูงที่ผ่านการออกแบบโดยดีไซเนอร์ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

เรื่องนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จโดยเริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว (Family Business) ที่มีคุณพ่อและคุณแม่เป็นผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อถึงเวลาที่ทายาทธุรกิจอย่าง ‘คุณฐานุพงศ์ วุฒิอารีย์ชัย’ ต้องขึ้นมาสืบทอดกิจการ ก็ได้ปรับโครงสร้างทางการบริหารใหม่ให้สอดรับกับยุคสมัย ส่งผลให้ปัจจุบัน ‘เครือแสงทองผ้าใบ’ มีรายได้กว่า 300 ล้านบาทต่อปี และเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) จนเป็นที่รู้จักของคนไทยเกือบทั้งประเทศ
รู้จัก ‘เครือแสงทองผ้าใบ’ เพิ่มเติมได้ที่
https://www.sang-thong.com/about-us/
https://www.sangthongtent.com/
https://www.sang-thong.com/
https://www.sang-thong.com/st-union/