หลายคนมีคำถามว่า หากอยากนำธุรกิจ หรือบริษัทของตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนหลักเกณฑ์อะไรบ้าง
คุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม ผู้อำนวยการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง มาให้ความรู้กับเหล่านักลงทุนถึงขั้นตอน และหลักเกณฑ์ต่างๆ มีหลายท่านสงสัยว่า การนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์มีข้อดีอย่างไรคุณภาววิทย์ ยกตัวอย่างธุรกิจ After you ก่อนเข้าตลาดฯ สามารถทำกำไรต่อปีได้ประมาณ 100 ล้านบาท จาก 30 สาขา แต่หลังเข้าตลาดฯ มูลค่าธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท เคล็บลับคือ P/E หรือ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ อธิบายง่ายๆ คือ ถ้าธุรกิจอยู่นอกตลาด กำไรจะมาจากการดำเนินงานเท่านั้น แต่หากมีการนำธุรกิจมาจดทะเบียนในตลาดหุ้น หรือ IPO เหล่านักลงทุนจะให้มูลค่าธุรกิจสูงกว่าเกือบ 20 เท่าของกำไร เช่น ธุรกิจที่ทำกำไร 100 ล้าน เมื่อนำไปจดทะเบียนในตลาด มูลค่าของธุรกิจจะมีค่าเป็น 2,000 ล้านทันที ตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ย ยิ่งธุรกิจที่อยู่ในตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง นักลงทุนก็จะให้มูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก
นอกจากนี้คุณภาววิทย์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การนำธุรกิจเข้าตลาด MAI หรือ แหล่งระดมเงินทุนที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ที่มีศักยภาพในการเติบโต สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ หลักเกณฑ์ในการเข้าตลาดคือ ต้องมีทุนจดทะเบียน 50 ล้าน และกำไรอย่างน้อยปีละ 10 ล้าน จากข้อมูลย้อนหลัง 2 ปี สิ่งสำคัญที่ควรเตรียมตัวก่อนเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์คือ
ภายหลังการเตรียมการดังกล่าว บริษัทต้องแต่งตั้ง FA (Financial Advisor) หรือบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในการประกอบกิจการให้บริการแก่บริษัทมหาชน ให้คำปรึกษา ความคิดเห็น และการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อตรวจสอบธุรกิจก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์
ขั้นตอนก่อนการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แบ่งเป็น :
คุณภาววิทย์ สรุปทิ้งท้ายว่า “หัวใจของการนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์คือ เจ้าของธุรกิจต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนว่าจะพัฒนาบริษัทไปในแนวทางไหน และควรมีวิสัยทัศน์ มีความฝัน และมุ่งทำตามความฝันอย่างจริงจัง”
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือสายด่วน 1333