ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้า (ยูเอสทีอาร์) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์
โดยแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% นั้น สูงกว่าแผนการที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 10% หลังจากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ย.
สินค้าจีน ที่จะถูกเก็บภาษีรอบใหม่นี้ มีจำนวนหลายพันชนิด เช่น อาหาร, เคมี, เหล็ก, อลูมิเนียม, เฟอร์นิเจอร์, ยางรถยนต์, จักรยาน, ถุงมือ, และผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค
หลายฝ่ายจึงวิตกว่าการขึ้นภาษีระลอกนี้อาจจะส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภค ในขณะที่สินค้าจากจีนล็อตก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหรือใช้ในโรงงาน รวมมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้แล้ว 34,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลืออีก 16,000 ล้านดอลลาร์เตรียมมีผลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงย้ำอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า จีนพร้อมที่จะตอบโต้มาตรการกลั่นแกล้งของสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทั้งนายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ต่างพยายามเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดระหว่างกัน
ธนาคารกรุงเทพ ใส่ใจให้บริการนักลงทุนในย่านอาเซียนด้วยบริการเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน เรามีสาขาของธนาคารอยู่ในประเทศอาเซียน 9 ใน 10 ประเทศ เพื่อให้บริการท่าน
สนใจติดต่อได้ที่ศูนย์ AEC Connect ชั้น 2 สำนักธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่
อีเมล: AECconnect@bbl.co.th โทรศัพท์ 02 -230-2758 หรือ สายด่วน 1333
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.smartsme.co.th