ในยุคที่หลายคนให้ความสนใจในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ เรามักจะมองเห็นในแง่ของธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถทำออกมาและประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ทำให้หลายคนมุ่งลงมือทำธุรกิจโดยที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวข้องกับสตาร์ทอัพเลย เพราะฉะนั้นจึงควรมาศึกษาแนวทางที่จะป้องกันความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นระหว่างการทำธุรกิจได้ และนี่คือสาเหตุ 7 อย่างที่มักจะทำให้สตาร์ทอัพล้มละลาย
1. เมื่อสินค้ายุ่งยาก และซับซ้อนจนเกินไป ในหลายครั้งที่ทางสตาร์ทอัพสำรวจตลาดน้อยเกินไป ทำให้ไม่เจอถึงสิ่งที่ผู้บริโภคกำลังต้องการจริงๆ ทำให้สินค้าที่ได้มาไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ใช่เพียงแค่วิสัยทัศน์ที่ทางองค์กรต้องมีเท่านั้น แต่สินค้าเหล่านั้นจะต้องช่วยตอบโจทย์ลูกค้าอีกด้วย
2. เมื่อพยายามจะแก้ปัญหาในทุกเรื่องมากจนเกินไป การสนใจที่ตัวสินค้าหรือบริการ เพื่อจะหาจุดแก้ไขถึงแต่ละปัญหาของลูกค้ามากจนเกินไป สิ่งที่ควรสนใจมากกว่านั้นคือการหาข้อมูลเพื่อรองรับว่า ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และเขาเหล่านั้นต้องการอะไร อยากได้สินค้าแบบไหนเพื่อไปแก้ปัญหานั้นๆ เป็นการหาความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุด เพื่อพัฒนาสินค้าให้ดีกว่าเดิม
3. เมื่อทำงานกับทีมที่ไม่ใช่สำหรับงาน คล้ายกับสำนวนคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก การอยู่กับทีมที่ไม่ใช่ ก็ทำให้ไม่สามารถดึงความสามารถของตัวงานออกมาได้อย่างเต็มที่เช่นกัน การมีทีมที่ดี และมีคนที่ หลากหลาย ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะคนที่หลากหลาย จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน ทำให้มีประสบการณ์ในการทำงานแต่ละด้านที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้เป็นทีมที่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่
4. เมื่อทำการตลาดได้ไม่ดีพอ หากไม่ทำการบ้านที่ดีพอ จนไม่รู้ว่าทำสินค้าและบริการให้ใคร ใครที่จะเป็นคนใช้สินค้า ทำให้สตาร์ทอัพมีโอกาสล้มเหลมได้เช่นกัน ต่อให้มีสินค้าหรือบริการที่ดีมากกว่าคนอื่นในตลาด แต่ไม่ตอบความคาดหวังของผู้บริโภค ทำให้มีโอกาสสูงที่สตาร์ทอัพจะจมกองทุนไป เพราะฉะนั้นจะต้องบอกให้ได้ว่าลูกค้าเป็นใคร แต่ละกลุ่มต่างกันอย่างไร และวางแผนให้ดีว่าจะใช้สื่อใดเพื่อเข้าถึง เพื่อให้รู้จักและเข้าใจสินค้าของคุณ
5. เมื่อราคาและต้นทุนสวนทางกัน ตัวผู้บริโภคเองจะต้องดูว่าสินค้านั้นๆ คุ้มค่าที่จะเสียเงินหรือไม่ ในบางครั้งที่หลายสตาร์ทอัพตั้งราคาสูงเกินไป หรือไม่ก็ต่ำเกินไป โดยที่ไม่คำนึงถึงต้นทุนการผลิต รวมไปถึงต้นทุนทั้งหมดที่จะต้องใช้จ่าย เพราะบางครั้งสตาร์ทอัพตั้งราคาไว้สูง เพื่อให้ครอบคลุมถึงต้นทุน แต่สินค้านั้นกลับไม่ตอบโจทย์ หรือไม่เป็นไปตามคำโฆษณา หรือตั้งราคาต่ำเกินไปก็ทำให้ทางสตาร์ทอัพขาดทุนเช่นกัน
6. เมื่อปล่อยของออกขายในเวลาที่ไม่ใช่ การตอบโจทย์เพื่อให้ตรงต่อความต้องการมากที่สุดนับว่ายังไม่เพียงพอ เพราะจะต้องปล่อยออกไปในเวลาที่ใช่เช่นกัน การดูตลาดให้เฉียบขาดเป็นสิ่งสำคัญเพราะหากปล่อยของเร็วเกินไป ในเวลาที่ผู้บริโภคไม่ต้องการเขาจะมองว่าไม่ได้จำเป็นที่จะต้องซื้อขนาดนั้น แต่หากปล่อยช้าเกินไปก็มีโอกาสที่จะโดนคนอื่นแซงหน้าไปเช่นกัน เพราะฉะนั้นการตามเทรนด์ และมองตลาดให้ขาดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
7. เมื่อทำงานอย่างไม่รู้จักความยืดหยุ่น รวมไปจนถึงการที่ไม่สนใจความคิดเห็นของผู้บริโภค เพราะหลายครั้งที่บางบริษัททำสินค้าและบริการตามที่ตัวเองคาดหวังและคิดว่าดี แต่ไม่เคยถามความคิดเห็นของผู้บริโภค ก็จะทำให้สินค้าและบริการนั้นไม่ตอบโจทย์ในที่สุด
จาก 7 สาเหตุที่สตาร์ทอัพล้มละลาย นั้นจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วการมองตลาด การตามเทรนด์ มองหาความต้องการของลูกค้าที่ใช่ที่สุด รวมถึงหาจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการปล่อยสินค้าและบริการออกไปสู่ผู้บริโภคนับเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะช่วยป้องกันความล้มเหลวของการทำสตาร์ทอัพได้
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือสายด่วน 1333