ภายใต้การเดินหน้าเจรจาจัดทำกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ FTA ไทย-ศรีลังกา โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่จะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับไทย เพราะปัจจุบันศรีลังกาได้ GSP Plus จากสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษทางภาษีที่ให้แก่ประเทศที่มีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศเหล่านั้นจะต้องให้สัตยาบันและปฏิบัติตามเงื่อนไขของสหภาพฯ ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม แรงงาน และหลักธรรมาภิบาล
โดยสินค้าของศรีลังกาที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าไปสหภาพยุโรป ได้แก่ สิ่งทอ เครื่องจักรขนาดเล็ก ผัก ผลไม้สดและแปรรูป อาหารทะเล เป็นต้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกสินค้าไปผลิตต่อในศรีลังกาแล้วใช้ประโยชน์ทางภาษีส่งออกไปสหภาพยุโรป หรือจะเข้าไปลงทุนในศรีลังกาและใช้เป็นฐานในการผลิตที่สำคัญในการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปได้ด้วย
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า กรมการค้าต่างประเทศได้เข้าร่วมการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–ศรีลังกา โดยรับผิดชอบในส่วนของคณะทำงานกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากฎและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ความตกลงฯ ที่จะช่วยสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยในการค้าขายกับศรีลังกา โดยจะมีการประชุมครั้งที่ 3 ในช่วงเดือนมกราคา 2562 นี้ ที่ประเทศศรีลังกา และตั้งเป้าที่จะเจรจา FTA ให้จบภายในปี 2563
ในอดีตศรีลังกาเคยถูกตัดสิทธิฯ GSP เมื่อปี 2553 โดยในขณะนั้นศรีลังกาพึ่งพิงตลาดยุโรปเป็นหลักในการส่งสินค้าออก เมื่อถูกตัด GSP จึงได้รับผลกระทบ ดังนั้น รัฐบาลศรีลังกาได้ประกาศวิสัยทัศน์ 2025 วางเป้าหมายเป็นฮับของมหาสมุทรอินเดียด้วยการเปิดรับการลงทุนจากนานาประเทศ และเร่งดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศแถบภูมิภาคเอเชียมากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุน
สำหรับศรีลังกา เป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เฉลี่ย 5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียใต้ รองจาก มัลดีฟส์ เป็นคู่ค้าของไทยในเอเชียใต้ที่มีมูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับ 4 โดยการค้าไทย–ศรีลังกา ในปี 2560 มีมูลค่ารวม 512.77 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.13% เป็นการส่งออกจากไทยมูลค่า 441.51 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น1.73%
ขณะเดียวกันไทยนำเข้าจากศรีลังกามูลค่า 71.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 77.30% สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เสื้อผ้าสำเร็จรูป สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งแปรรูป เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และอุปกรณ์ยานยนต์ ผ้าผืน ลวดและสายเคเบิล อัญมณีและเครื่องประดับผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า จำนวน 370.25 ล้านเหรียญสหรัฐ
น่าจับตาว่า ภายใต้การเจรจาFTA ไทย-ศรีลังกา ซึ่งปัจจุบันศรีลังกาได้ GSP Plus จากสหภาพยุโรปจึงเป็นโอกาสที่ไทยจะส่งออกสินค้าไปผลิตต่อในศรีลังกาแล้วใช้ประโยชน์ทางภาษีส่งออกไปสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าในตลาดส่งออกไทยจะสูญเสียตลาดส่งออกในยุโรปนั้นเนื่องจากปี 2562 ความตกลง EU-Vietnam FTA จะเริ่มมีผลบังคับใช้ และสินค้าที่เวียดนามส่งออกนั้นเป็นสินค้ากลุ่มเดียวกับไทยในตลาดสหภาพยุโรป การเปิดตลาดศรีลังกาจึงนับเป็นโอกาสของไทยในการสร้างโอกาสในตลาดยุโรปอีกครั้ง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ เงื่อนไขในข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับศรีลังกา แม้จะมองว่าศรีลังกาต้องการนักทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ทั้งพยายามกีดกันอินเดียเนื่องจากความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ระหว่างชาวทมิฬและสิงหล ที่ยังคงฝังในสายเลือด แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นโอกาสเดียวของไทยเพราะจีนก็จ้องศรีลังกาอยู่เช่นกัน