ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมียนมามีแนวโน้มเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก จากภาพเศรษฐกิจเมียนมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2557 ที่โตต่อเนื่องถึงปัจจุบันที่ โดยอัตราการขยายตัวของจีดีพีของเมียนมาในปี 2561 สูงถึง 6.9% ขณะที่รายได้ประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 3 ปี เช่นเดียวกัน โดยล่าสุดรายได้ต่อหัวของประชากรอยู่ที่ 1,338 เหรียญสหรัฐฯต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1,263 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี เรียกได้ว่าถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงเลยทีเดียว
ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมียนมามี 2 แบบ คือ โครงการที่อยู่อาศัยที่ถูกพัฒนาโดยภาครัฐ และคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นต์ที่พัฒนาโดยภาคเอกชน
ข้อมูลจาก Myanmar Time มีการคาดการณ์กันว่า ในปี 2562 นี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของเมียนมามีแนวโน้มเติบโตและมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากมีการปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ปกป้องคุ้มครองผู้ซื้อและผู้ขาย และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยขณะนี้มีการเตรียมยกร่างกฎหมายอพาร์ทเม้นต์ (Apartment Law) ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ จากก่อนหน้านี้ที่มีการบังคับใช้กฎหมายคอนโดมิเนียม (Condominium Law) เมื่อปี 2016 (2559)
ไม่เพียงแต่จะมีการออกกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ในภาคการเงิน ก็ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้บริการกับประชาชนมากขึ้น ทั้งยังเปิดกว้างให้ธนาคารจากต่างชาติเข้าไปให้บริการ สามารถให้กู้เงินการบริษัทท้องถิ่นของเมียนมา เพื่อนำไปใช้เป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย
สำหรับการให้บริการสินเชื่อกับประชาชน ทางธนาคารกลางเมียนมา (Central Bank of Myanmar : CBM) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาว่าจะขยายการอนุมัติวงเงินกู้โดยการจดจำนองได้ถึง 5% ของวงเงินกู้ทั้งหมด สำหรับการกู้ที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เป็นเจ้าของที่พักอาศัยได้ ส่วนเงินกู้ที่มีระยะเวลาเกิน 3 ปี ต้องยื่นขออนุมัติจาก CBM เป็นรายกรณี
นอกจากนี้ได้ประกาศอนุญาตให้ธนาคารเมียนมาสามารถขยายวงเงินกู้ โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 16% ซึ่งมาตรการนี้ได้เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของ CBM จะคงที่อัตรา 10% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ที่ 13% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขั้นต่ำอยูที่ 8%
ทั้งนี้ในส่วนของผู้กู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ภาครัฐก่อสร้างสามารถซื้อแบบผ่อนได้ที่ธนาคาร Construction and Hosting Development Bank โดยผู้กู้สามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้นานสูงสุด 25% ในอัตราดอกเบี้ย 13% โดยผู้ซื้อที่ไม่สามารถแสดงหลักฐานเอกสารที่มาของได้นั้นจะต้องจ่ายค่าภาษีอากรแสตมป์เพิ่ม 15-30% ขึ้นอยู่กับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามในปีหน้าทางรัฐบาลเมียนมามีแผนจะปรับลดอากรแสตมป์ลง คาดว่าจะสามารถกระตุ้นการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้มากยิ่งขึ้น
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333