เชื่อว่าผู้อ่านทราบเมกะเทรนด์เกี่ยวกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular economy หมายถึง แนวคิดเกี่ยวกับการนำทรัพยากรที่ถูกนำไปใช้แล้วให้กลับมาแปรรูปและนำกลับไปใช้ได้อีกในอนาคต เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรเกินขนาดจากการขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นของประชากรโลก และปัญหาการจัดการ ขยะพลาสติก
ในที่นี้เรามาลงลึกถึงเทรนด์ในการลดใช้พลาสติกและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ซึ่งกำลังฮิตมากโดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ในเอเชียอย่างที่ญี่ปุ่นก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก ขณะที่ประเทศในเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถูกระบุว่าเป็นภูมิภาคที่ผลิตขยะมากที่สุด(สาเหตุมาจากอาเซียนเป็นฐานการผลิตสินค้าของโลก)โดยงานวิจัยจาก Ocean Conservancy ระบุว่าขยะพลาสติกกว่า 55-60% ของทั้งโลกเกิดจากตลาด 5 ประเทศคือ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ถึงขนาดที่บริษัทชั้นนำระดับโลกลงขันกันเพื่อวางแนวทางในการจัดการขยะในภูมิภาคนี้กันเลยทีเดียว
EU เห็นชอบข้อบังคับสำหรับพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผู้ประกอบการรู้ยัง? ไทยก็มี Roadmap การจัดการขยะพลาสติก
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่17 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติรับทราบ (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศ โดยคาดว่าจะลดปริมาณขยะพลาสติกได้ประมาณ 0.78 ล้านตันต่อปี และสามารถประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยได้ประมาณ 3.9 พันล้านบาทต่อปี โดย Roadmap แบ่งเป็น 2 เป้าหมาย
เป้าหมายที่ 1
ภายในปี 2562 (ปีนี้)จะให้เลิกใช้พลาสติก 3 ชนิด ประกอบด้วย พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม, พลาสติกผสมสารอ็อกโซ่ และพลาสติกผสมไมโครบีดส์
ภายในปี 2565 อีก 4 ชนิด คือพลาสติกหูหิ้วที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน, กล่องโฟมบรรจุอาหาร, หลอดพลาสติก ที่มีข้อยกเว้นสำหรับใช้กับเด็ก คนชรา และผู้ป่วย และแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
เป้าหมายที่ 2
ภายในปี 2570 โดยจะมีการศึกษาและกำหนดเป้าหมายในส่วนที่จะนำกลับมาใช้ประโยชน์ ขณะที่ของเสียจะถูกนำไปกำจัดให้ถูกวิธี โดยแผนปฏิบัติการจะแบ่งเป็น 3 มาตรการ
- มาตรการลดการเลิกขยะพลาสติก ณ แหล่งกำเนิด โดยจะมีการสนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- มาตรการ ลด เลิกใช้พลาสติก ณ ขั้นตอนการบริโภค โดยขับเคลื่อนการลด เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
- มาตรการจัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค โดยจะมีการส่งเสริม สนับสนุนการนำขยะพลาสติกเข้าสู่การนำกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์
มาเลเซียก็มี Roadmap แอนตี้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
รวมทั้งประเทศเพื่อบ้านอย่างมาเลเซียก็มีการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อแทนที่พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียว โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและกำจัดมลภาวะจากพลาสติกในประเทศมาเลเซีย Roadmap Towards Zero Single-Use Plastics 2018-2030
โดยตั้งแต่ปี 2562 นี้เป็นต้นไป ร้านค้าในมาเลเซียจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้ถุงพลาสติก และหลอดดูดน้ำจะให้เฉพาะเมื่อมีการร้องขอเท่านั้น และหลังจากนั้นในเฟส 2 จะกระจายการใช้ถุงชีวภาพให้ทั่วทั้งประเทศและหารือกับประเทศใกล้เคียงเรื่องเศษขยะพลาสติกในทะเล สุดท้ายในเฟส 3 จะกำจัดพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวให้หมดไปด้วยการเพิ่มการผลิตสินค้าที่ย่อยสลายได้มาทดแทน
เรื่องนี้หากผู้ประกอบการไม่เตรียมตัวอาจส่งผลกระทบได้ ทั้งต้นทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากต้องหาวัตถุดิบชนิดใหม่มาใช้ทดแทนพลาสติกของเดิมที่ถูกยกเลิกไป และจำเป็นต้องใช้งานได้เทียบเคียงวัสดุเดิมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีต้นทุนสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ต้นทุนการผลิตหลอดพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้เองจะสูงกว่าต้นทุนหลอดพลาสติกแบบดั้งเดิมอยู่ราว 1 เท่า
ขณะที่การห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง หรือ single-use plastic สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้เช่นกัน อาทิ ธุรกิจการรีไซเคิล การผลิตพลาสติกชีวภาพ ซึ่งในที่นี้เรามีเทรนด์ตลาดที่เกิดขึ้นแล้วมายกตัวอย่างให้เห็นภาพ อาทิเช่น
เกิดดีมานด์หลอดกระดาษเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
ร้านอาหารและร้านกาแฟจำนวนมากกำลังพยายามทำตามเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมโดยการหาวัสดุแทนที่การใช้งานหลอดพลาสติก ซึ่งทำให้หลอดกระดาษได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยรายงานล่าสุดจาก Transparency Market Research ระบุว่าความต้องการหลอดกระดาษจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีมูลค่ากว่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 และจะเติบโตที่ 13.8% ต่อปีไปเรื่อย ๆ ในช่วงระหว่างปี 2019-2027 ซึ่งถึงแม้ว่าตลาดหลอดพลาสติกเองก็ได้มีการเติบโตสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ความต้องการหลอดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมาตรการภาครัฐที่แบนการใช้หลอดพลาสติกนั้นจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมหลอดกระดาษ
ขณะที่หลอดพลาสติกได้ถูกสั่งห้ามใช้ด้วยกฎหมายในหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา อาทิ เมืองซานฟรานซิสโกและเมืองซีแอตเทิล โดยในรัฐแคลิฟอร์เนียได้กำหนดให้ร้านอาหารไม่ให้หลอดพลาสติกแก่ลูกค้าโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องให้ลูกค้าเป็นผู้ร้องขอ หรือต้องใช้หลอดชนิดอื่นที่ไม่ใช่พลาสติก และเชื่อหรือไม่ว่าในสหรัฐอเมริกานั้นมีการทิ้งหลอดพลาสติกกว่า 500 ล้านหลอดต่อวัน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ผู้ประกอบการควรใส่ใจและรอบคอบ เพราะปัจจุบันเทรนด์การให้บรรจุภัณฑ์กระดาษหรือผลิตภัณฑ์กระดาษกับพลาสติกยังเป็นที่กังขา เช่น
รายงานการศึกษาหลายฉบับพบว่าหลอดกระดาษนั้นไม่ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเสมอไปซึ่งอาจจะส่งผลต่อตลาดได้ในอนาคตเมื่อมีความเข้าใจที่เปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยข้อดีของหลอดกระดาษคือการที่สามารถรีไซเคิลได้ โดยหลอดกระดาษที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลนั้นใช้น้ำในการผลิตน้อยกว่าหลอดที่ผลิตจากเยื่อไม้โดยตรง อย่างไรก็ตามหลอดกระดาษรีไซเคิลต้องใช้คลอรีนในการฟอกสีกระดาษซึ่งอาจจะทำให้มีรสชาติที่ไม่ดีได้
อีกข้อเสียของหลอดกระดาษคือต้นทุนที่สูงกว่าหลอดพลาสติกรวมถึงสารเติมแต่งหลายตัวที่จำเป็นสำหรับการทำให้หลอดกระดาษมีความแข็งแรงมากพอ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจะกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจหลอดกระดาษได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ผลิตใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสภาพแล้วล้อมเช่น การผลิตหลอดจากสาหร่ายทะเล ที่ทำงานได้ดีกว่าหลอดกระดาษเนื่องจากจะไม่เปื่อยได้ง่ายเท่า นอกจากนี้หลอดสาหร่ายทะเลนี้ให้ความรู้สึกเหมือนพลาสติกและมีรสชาติกลาง ๆ ที่สำคัญ ไม่เค็มเหมือนสาหร่ายทะเล
จะเห็นได้ว่าแค่เทรนด์เรื่องหลอดๆ นี่ก็มีผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกแข่งกันพัฒนาเพื่อให้สามารถทดแทนหลอดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
ตลาดพลาสติกชีวภาพจะร้อนแรงทั่วโลก
อย่างที่กล่าวในข้างต้น กระแสความต้องการพลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ย่อยสลายได้ง่ายกำลังเป็นที่ต้องการของตลพาดทั่วโลก โดย Market Analyst ได้รายงานว่าตลาดของอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพจะเติบโตจนมีมูลค่ากว่า 3,900 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2023 จากปัจจุบันที่ 2,960 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2018 ที่ผ่านมา โดยพลาสติกชีวภาพประกอบด้วยพลาสติกที่ผลิตจากแหล่งวัตถุดิบจากพืชเช่น อ้อย มัน แป้งข้าวโพด และอื่น ๆ แทนการใช้น้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งพลาสติกชีวภาพช่วยลดการใช้ปิโตรเลียมและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเนื่องจากเป็นวัสดุอินทรีย์
โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของตลาดพลาสติกชีวภาพคือความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การมีแหล่งวัตถุดิบที่เพียงพอ และนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมใช้พลาสติกชีวภาพ ซึ่งการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลต่อการเติบโตของตลาดนี้
ข่าวดีคือ ที่ผ่านมามีนักวิจัยไทยหลายรายมีงานวิจัยเกี่ยวกับพลาสติกชีวภาพจากวัตถุดิบชีวมวลทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นมูลค่าต่ำ ที่นำไปใช้เป็นเม็ดพลาสติกชีวภาพได้ คุณภาพพอๆ กับเม็ดพลาสติกชีวภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งได้มีหน่วยงานเอกชนนำมาต่อยอดและทำการตลาดในต่างประเทศ จนสามารถมีตลาดส่งออกในต่างประเทศ
สรุปคือ เทรนด์การแอนตี้พลาสติกและการส่งเสริมพลาสติกชีวภาพ วัสดุผลิตบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือวัสดุอย่างอื่นที่ย่อยสลายได้ง่ายและเป็นมิตรต่อโลกจะได้รับความนิยมและร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งเห็นได้จากมาตรการทางการค้าของหลายๆ ประเทศในยุโรปก็มีการกีดกันผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกแบบไม่ย่อยสลายอย่างชัดเจน ขณะที่สถานประกอบการก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เป็นไปตามกระแสของสังคมโลก ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการSMEsที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ เทรนด์รักษ์โลกนี้กำลังมาแรง
เอาง่ายๆ เฉพาะแค่หลอดไม้ไผ่ ที่ใช้ทดแทนหลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวก็เริ่มขายดีในบ้านเรา เพราะกระแสงดใช้หลอดพลาสติก จากคลิปช่วยเต่าทะเลโดนหลอดดูดน้ำติดรูจมูก ซึ่งเป็นภาพการช่วยเหลือสุดเวทนา ผู้ชมก็ยิ่งรู้สึกถึงความโหดร้ายของพลาสติกที่ถูกทิ้งในทะเลและไม่มีวันย่อยสลาบ นี่ถือว่าเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ยังพอมีเวลาที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลง
อ้างอิง : สถาบันพลาสติก http://plastic.oie.go.th
Circular Economy วิถีเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืน
หลอดดูดน้ำทางเลือกใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333