เร็วกว่า 3 เท่า! ‘เค ซี แมชชีนซ์’ ครบเครื่องเรื่องงานล้างในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน
หนึ่งในปัญหาของโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากการบำรุงรักษาที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อใช้งานมาระยะหนึ่ง ต้องมีเรื่องของการล้างทำความสะอาดเครื่องจักรกลต่าง ๆ ในโรงงาน และเนื่องจากงานล้างทำความสะอาดแต่ละครั้งจะมีลักษณะ ‘3 D’ ประกอบด้วย Dangerous Dirty และ Difficult
ซึ่งหมายถึงเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย สกปรก และยากลำบาก จาก Pain Point ดังกล่าว ทำให้เกิดธุรกิจที่เข้ามาตอบโจทย์ความยุ่งยากเหล่านี้ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมที่ให้บริการล้าง-ทำความสะอาดเครื่องจักรกลด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง โดยทีงานมืออาชีพอย่าง บริษัทเค ซี แมชชีนซ์ เซอร์วิส จำกัด ที่ Bangkok Bank SME จะพาไปทำความรู้จักให้มากขึ้นในบทความนี้

บริษัทเค ซี แมชชีนซ์ เซอร์วิส จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2549 โดยคุณมนตรี แท้วิรุฬห์ เป็นบริษัทลำดับต้น ๆ ของไทยที่มีการนำหุ่นยนต์และเครื่องจักรมาล้างในโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันเพื่อทดแทนแรงงานคน ด้วยข้อดีของการล้างโดยเครื่องจักร คือสามารถทำงานได้ตลอดโดยไม่ต้องหยุดพัก เพียงแต่อาจจะต้องเปลี่ยนผู้ควบคุมเครื่อง
ซึ่งอยู่ในระยะการทำงานที่ปลอดภัย ขณะที่แรงงานคนอาจมีเหนื่อยล้าได้ ทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยในการทำงาน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่บริษัทเลือกที่จะหันมาพัฒนาหุ่นยนต์และเครื่องจักรทำความสะอาดในการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทางเลือกสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่
คุณมนตรี กล่าวว่า บริษัทฯ มีความชำนาญและประสบการณ์ในงานล้าง ทำความสะอาดเครื่องจักร อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนและเย็นในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน อาทิ การล้างหอกลั้นน้ำมัน และถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย หากเกิดความผิดพลาดจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้น จึงต้องมีการป้องกันที่รัดกุมและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
โดยก่อนหน้านี้ ธุรกิจให้บริการล้างทำความสะอาดในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะใช้แรงงานคนในการล้าง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น บริษัทฯ จึงการคิดค้นหุ่นยนต์และเครื่องจักร ทั้งระบบเซมิออโตเมชัน-ออโตเมชัน มาทดแทนแรงงานคน เพื่อทุ่นแรงและยังประหยัดเวลา ซึ่งมองว่าการพัฒนาเทคโนโลยีน่าจะมีบทบาทสำคัญต่องานล้างในภาคอุตสาหกรรมทั้งในปัจจุบันและอนาคต

คุณมนตรี แท้วิรุฬห์ ผู้บริหาร บริษัท เค ซี แมชชีนซ์ เซอร์วิส จำกัด
ทั้งนี้ ในการล้างแต่ละครั้ง ระยะเวลาการทำงานจะขึ้นอยู่กับความยากของงานแต่ละประเภท ยกตัวอย่าง หากเป็นแรงงานคนล้าง ในกรณีที่ต้องล้างหอกลั่นน้ำมัน หรือถังน้ำมันขนาดใหญ่ อาจจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน
ขณะที่หุ่นยนต์และเครื่องจักรล้าง ใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพหน้างาน ทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถลดเวลาในการปิดโรงงาน หรือสูญเสียโอกาสในการประกอบธุรกิจเนื่องจากต้องหยุดการผลิตเพื่อล้างทำความสะอาดเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในโรงงาน ซึ่ง ‘ความเร็ว’ เป็นข้อได้เปรียบสำคัญและเป็นการเพิ่มความสามารถของธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
“เวลาเป็นสิ่งมีค่าอย่างมากต่อทุกโรงงานอุตสาหกรรม เพราะถ้าต้องหยุดผลิต อาจสูญเสียรายได้ไปมาก ดังนั้นระยะเวลาการทำที่เร็วขึ้นจะช่วยให้โรงงานลดการสูญเสียโอกาส ทั้งการนำหุ่นยนต์และเครื่องจักรมาทดแทนแรงงานคนในการล้าง จะสามารถลดขั้นตอนและเวลาในการทำงาน รวมทั้งมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานมากขึ้นอีกด้วย”

พัฒนาเครื่องจักรใช้เองตอบโจทย์งานล้างที่รวดเร็ว
คุณมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการผลิตและดัดแปลงเครื่องจักร อุปกรณ์ และหุ่นยนต์ เพื่อทำความสะอาดในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยในช่วงแรกได้ซื้อเครื่องจักรมาจากยุโรป ปรากฏว่าเครื่องจักรดังกล่าวมีการสั่งทำชิ้นส่วนจากไต้หวัน ก่อนส่งไปประกอบที่ยุโรปและนำมาขายในราคาที่ค่อนข้างสูง ทว่าเมื่อนำมาใช้งานได้เพียงไม่กี่ครั้ง เครื่องก็พัง
ต่อมาได้มีการแกะแบบมาพิจารณาดูปรากฏว่า เครื่องจักรดังกล่าวไม่ตอบโจทย์การทำงานที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพของสถานปฏิบัติงาน ทั้งการจัดซื้ออะไหล่เพื่อมาซ่อมบำรุงยังเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก จึงหาวิธีดัดแปลงเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อมาใช้งานให้ตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจ
คอนเซ็ปต์ คือการ Copy and Development โดยนำเครื่องจักรต้นแบบจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา มาพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย มีกระบวนการตั้งแต่การเขียนแบบ ตรวจสอบ มีการทดลองใช้งานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
จนสามารถสร้างเครื่องจักรและอุปกรณ์ทำความสะอาดที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาขึ้นเอง ต่อมาได้นำเครื่องจักรดังกล่าวไปจัดแสดงในงานแสดงสินค้าที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่ต้องการนำเครื่องจักรมาล้างในโรงงานเพื่อทดแทนแรงงานคน ตั้งแต่นั้นบริษัทฯ จึงได้รับงานจากโรงงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ของเครื่องจักร ตลอดจนอุปกรณ์การทำงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และอุปกรณ์ความปลอดภัยขึ้นมาใช้เอง ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนในการทำงาน รวมทั้งการดูแลรักษา และซ่อมบำรุงเครื่องจักรให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ขณะที่มีอะไหล่บางประเภทที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากข้อจำกัดในการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องจักรในยุโรปและสหรัฐอเมริกาต่างเลิกผลิตเครื่องจักรดังกล่าวไปแล้ว จึงแก้ปัญหาโดยการสั่งซื้ออะไหล่จากผู้ผลิตจากจีนที่ระบบจ้างผลิต (OEM) ให้กับบริษัทในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยมีที่ปรึกษาชาวจีนที่เคยทำงานร่วมกับบริษัทผลิตเครื่องจักรในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดหา OEM ชิ้นส่วนเครื่องจักรทำความสะอาดให้กับบริษัทในอเมริกา
ดังนั้นจะเห็นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการลงทุนในด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการล้างทำความสะอาดเพื่อทดแทนการใช้แรงงานคน ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมาก แต่สุดท้ายหากบริษัทฯ ไม่เปลี่ยนในตอนนั้น วันนี้ธุรกิจอาจจะแพ้เรื่องต้นทุนแรงงานคน เพราะแรงงานคนจะไม่สามารถทำงานแข่งกับเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ได้อย่างแน่นอน

ยกระดับความปลอดภัยในการทำงาน
คุณมนตรี สะท้อนภาพว่า ธุรกิจให้บริการทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์โรงงานอุตสาหกรรม เป็นงานที่ลำบาก ยุ่งยากแถมเสี่ยงอันตรายในการทำงาน โดยภาพรวมในปัจจุบันจะมีการใช้แรงงานคนถึง 80%
แม้ในวันนี้ยังเป็นแรงงานไทยเป็นส่วนใหญ่ แต่ในอนาคตหากพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถจะหาแรงงานไทยมาทำงานในภาคอุตสาหกรรมนี้ได้ อาจจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว แต่ข้อเสียของแรงงานต่างด้าว คือปัญหาในด้านการสื่อสารขณะปฏิบัติงาน ที่ส่งผลสำคัญต่อความปลอดภัยในสถานประกอบการ
ดังนั้น การคิดค้นพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อรองรับการทำงานที่ไม่ต้องใช้แรงงานคน จึงเป็นจุดแข็งสำคัญของธุรกิจ และสิ่งสำคัญ คือ การทำงานของพนักงานมีความปลอดภัย สามารถลดโอกาสที่จะสัมผัสสารเคมีได้ถึง 90% อีกประมาณ 10 % ยังคงต้องใช้แรงงานคนในงานบางส่วน เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานที่สูงขึ้น

ก่อตั้งธุรกิจจากประสบการณ์
คุณมนตรี เล่าย้อนไปในตอนก่อตั้งธุรกิจว่า ภายหลังเรียนจบในสาขาปิโตรเคมี ที่จังหวัดระยอง เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ อีสเทิร์น ซีบอร์ด
โดยเข้ามาทำงานโรงงานด้านปิโตรเคมีส่วนการสังเคราะห์เส้นใยเพื่อผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่ม สั่งสมประสบการณ์อยู่ประมาณ 17 ปี ก่อนลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งลงทุนก่อตั้งบริษัทให้บริการทำความสะอาดโรงงานด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงในมาบตาพุด และการล้างด้วยเคมีในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เนื่องจากประสบการณ์ในการทำงาน ทำให้รู้ว่ามีโอกาสธุรกิจที่เติบโตได้

บริษัทเค ซี แมชชีนซ์ เซอร์วิส จำกัด มีบริการล้างเครื่องจักร อาทิ อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในโรงงาน (Heat Exchanger ) หอกลั่นน้ำมัน ถังน้ำมัน ไซโล ตลอดจนเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยใช้วิธีล้างทั้งแบบการใช้แรงดันน้ำโดยใช้เครื่องจักร และล้างด้วยเคมีในกรณีที่ไม่สามารถใช้เครื่องจักรล้างได้ รวมทั้งการใช้เช่าเครื่องจักรในการล้างทำความสะอาดแก่ลูกค้ากลุ่มปิโตรเคมีในประเทศ
โดยบริษัทฯ ได้รับรองมาตรฐาน ISO 45001 ซึ่งการันตีคุณภาพและมาตรฐานในการปฏิบัติงานที่มีความปลอดภัยทั้งต่อทรัพย์สินของลูกค้าและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก รวมไปถึงต้นทุน คุณภาพในการให้บริการ และกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐานสากล
คุณมนตรี มองว่า ธุรกิจที่ทำอยู่จะช่วยให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เป็นซัพพลายเชนส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทั้งยังช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศโดยการนำเครื่องจักร และเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของภาคอุตสาหกรรม

ธุรกิจเสริม เติมเต็มศักยภาพธุรกิจหลัก
คุณมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากธุรกิจทำความสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรม ยังมีการก่อตั้งธุรกิจเสริม เช่น ธุรกิจให้เช่าและจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ทำความสะอาด ธุรกิจนั่งร้านที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนคิว ตลอดจนการลงทุนในการจัดซื้อรถเครนและรถบรรทุกเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในการขนส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ของบริษัทฯ
โดยแนวคิดในการทำธุรกิจหลาย ๆ อย่าง คือต้องเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจหลักได้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีบริการที่ครอบคลุม และสามารถบริหารต้นทุนในการทำงานได้อีกด้วย ซึ่งหากทำธุรกิจเพียงด้านเดียว หากประสบปัญหาหรือเกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น การระบาดของโควิด 19 หากไม่มีธุรกิจเสริมอาจทำให้ความสามารถในการนำพาธุรกิจให้อยู่รอดน้อยลง

คุณมนตรี ทิ้งท้ายว่า เคล็ดลับสำคัญซึ่งจะตอบโจทย์งานล้างในอุตสาหกรรมนี้ได้ นอกจากต้องมีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ตอบโจทย์การทำงานที่รวดเร็วและปลอดภัย คือการซ่อมบำรุง ดูแลรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้สามารถใช้งานได้ปกติอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังขาดแคลนธุรกิจที่มีการพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์ขึ้นมาใช้เอง ตลอดจนอุตสาหกรรมพื้นฐานต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม หากมีการส่งเสริมที่มากขึ้น จะทำให้ไทยเพิ่มขีดความสามารถที่ทัดเทียมกับต่างชาติได้
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่