เดอะคาวาลิคาซ่ารีสอร์ท ‘Business Transforms’ ที่พักท้องถิ่น สู่ มาตรฐานและบริการระดับ High Value Service

หากใครชอบเดินทางท่องเที่ยว พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศเมืองเก่า เต็มไปด้วยวัดวาอารามโบราณอายุนับร้อยปีที่นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระ ขอพร อีกทั้งที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย รสชาติแบบฉบับดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใคร 

บทความนี้ Bangkok Bank SME จะพาไปทำความรู้จัก ที่พักสไตล์รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ในเขต อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงร่วมพูดคุยกับผู้บริหารของโรงแรมแห่งนี้ ถึงแนวคิดในการบริหารงาน และกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจโรงแรมที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 เริ่มเป็นที่รู้จักและมียอดจองยาวไปถึงกลางปี 2563 ก่อนจะเจอวิกฤตโควิด 19 ว่าเพราะอะไร? ‘เดอะคาวาลิคาซ่ารีสอร์ท’ ถึงยืนหยัด และพลิกฟื้นกลับมาเติบโตได้อย่างงดงาม บทความนี้ มีคำตอบ

คุณสุวิมล อัศวธรรมรัตน์ ผู้บริหาร 2 โรงแรมแห่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ  ‘เดอะคาวาลิคาซ่ารีสอร์ท’ และ ‘เดอะ ลิม่า เพลส’ เปิดเผยว่า สำหรับ ‘เดอะคาวาลิคาซ่ารีสอร์ท’ จะรองรับลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงผู้ที่เดินทางมาประชุม สัมมนา จัดงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ ต่าง ๆ 

ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตกแต่งในสไตล์รีสอร์ท มีจำนวนห้องพัก 132 ห้อง แต่ช่วงแรกมีห้องประชุมสัมมนาเพียง 10 ห้อง ทำให้เมื่อมียอดจองห้องสัมมนาเข้ามาพร้อม ๆ กัน ห้องพักจะรองรับได้ไม่เพียงพอ โรงแรมจึงเสียโอกาสอย่างมากจากการยกเลิกการจองนั้นไป

ขณะที่โรงแรม ‘เดอะ ลิม่า เพลส’ จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนทั่วไป คนในพื้นที่ เซลล์ ลูกค้าองค์กรที่มาจัดสัมมนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนวิกฤตดังกล่าวการดำเนินธุรกิจโรงแรมทั้ง 2 แห่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าห้องพักและห้องสัมมนาอย่างต่อเนื่อง 

ด้วยคุณภาพและบริการที่ดีจึงสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และส่งผลให้ขณะนั้นมีลูกค้าจองห้องพักและห้องสัมมนา คิวยาวไปถึงกลางปี 2563 แต่ในช่วงสถานณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวหรือลูกค้ามาใช้บริการไม่ได้ เนื่องจากถูกจำกัดการเดินทาง จึงเป็น Pain Point ที่ต้องปรับตัวเพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้า

สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด คือยอดนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจาก 40 ล้านคนลดลงเป็นศูนย์ และมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศและล็อคดาวน์จากสถานการณ์ Covid 19 ส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก 

โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมทั้ง 2 แห่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและยังต่อเนื่องไปถึงพนักงานในองค์กร แต่ด้วยแนวคิดของผู้บริหารที่มองว่าพนักงานนั้นคือ ‘ครอบครัว’ คุณสุวิมล จึงได้พยายามหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกับพนักงาน เพื่อประคับประคองธุรกิจให้สามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

คุณสุวิมล ให้เหตุผลว่า ขณะนั้นมีพนักงานที่ต้องดูแลประมาณ 100-120 คน ค่าใช้จ่ายคงที่อยู่ที่ราว 1.2 ล้านบาทต่อเดือน อย่างที่ทราบดีว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 หลายธุรกิจต้องหยุดชะงักชั่วคราวเป็นเวลากว่า 3 เดือน

โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและที่พักที่เจอวิกฤตเป็นอันดับแรก ๆ ผู้ประกอบการหลายแห่งในพื้นที่ต้องลดพนักงาน หรือหยุดจ้างงานทันที แต่เราเลือกจะรักษาพนักงานที่เป็น “หัวใจสำคัญ” ของการดำเนินธุรกิจเอาไว้ แม้ทางโรงแรมเองก็เป็นอีกแห่งที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวและขาดรายได้เช่นกัน

“เราเลือกที่จะช่วยเหลือและรักษาพนักงานของเราไว้ให้ได้มากที่สุด ด้วย 2 เหตุผลสำคัญ คือ การมีพนักงานและคนงานที่มีประสบการณ์ด้านการบริการนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมใหม่ซึ่งมีต้นทุน 

แต่เหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือผู้บริหารโรงแรม เห็นคุณค่าของพนักงานทุกคนเสมือนคนในครอบครัว ที่ต้องดูแลและช่วยเหลือยามเกิดวิกฤต เพื่อให้พนักงานยังคงมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ 

คุณสุวิมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองพยายามประคับประคองธุรกิจและพนักงานเอาไว้จนผ่านมาได้ช่วงหนึ่ง ขณะที่สถานการณ์เหมือนจะคลี่คลายลง แต่ประมาณเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ปี 2563 การแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นอีก ทำให้ยอดจองห้องสัมมนาที่เริ่มกลับมาถูกยกเลิกอีกครั้ง กิจการขาดสภาพคล่องต่อเนื่อง สิ่งที่ทำได้นอกเหนือจากความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ และมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคาร คือการตั้งหลัก และไม่หยุดคิดในการเพิ่มรายได้จากช่องทางอื่นทดแทน เพื่อให้ธุรกิจและพนักงานอยู่รอด

ในช่วงวิกฤตดังกล่าว มีหนึ่งในความประทับใจที่ คุณสุวิมล ถ่ายทอดให้ฟัง คือ ผู้บริหารรุ่นบุกเบิกอย่าง คุณโสภา อัศวธรรมรัตน์ คุณแม่ของคุณสุวิมล ขณะนั้นท่านอายุ 60 ปี นำทีมพนักงานทำอาหารออกมาขายบริเวณหน้าโรงแรมในช่วงเช้าของทุกวัน ประกอบด้วย ข้าวราดแกง  และ ปาท่องโก๋ ซึ่งการตอบรับดีมากโดยเฉพาะปาท่องโก๋ ที่รสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ จนภายหลังกลายมาเป็นเมนูอาหารของห้องอาหารช่วงเช้า เมื่อโรงแรมกลับมาเปิดดำเนินการปกติ

รวมถึงยังมีกิจกรรมภายในระหว่างผู้บริหารและพนักงาน โดยการมอบแปลงผัก ให้พนักงานแต่ละแผนกดูแลด้วยตัวเอง มีการแข่งขันดูแลแปลงผัก นำผักที่ได้มาใช้ในโรงแรม เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในองค์กร ซึ่งกิจกรรมนี้ยังมีแนวคิดว่าจะต่อยอดให้เป็นจุดขายในอนาคต เช่นการปลูกและจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดสารเคมี

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายแนวทาง เช่น เพิ่มช่องทางการตลาด เพื่อให้พนักงานทำ Website และการตลาดออนไลน์  เพิ่มบริการรับทำอาหาร โดยเมนูที่นิยมในขณะนั้น คือพิซซ่าหน้าต่าง ๆ มีการฝึกให้พนักงานรับออเดอร์และส่งสินค้าเอง เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะ และช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าของห้องอาหาร ทำให้พนักงานยังคงมีรายได้แม้ไม่มีลูกค้าเข้าพัก 

จากโควิดในช่วงแรก ยังเป็นช่วงที่ยัง Panic ในขณะนั้น สิ่งที่เราต้องคิดก่อน คือ จะต้องดูแลพนักงานอย่างไร ซึ่งเราได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการพักชำระหนี้ ทำให้มีเวลาคิด หาวิธีที่จะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ แต่โควิด กินเวลานาน 2-3 ปี

ซึ่งธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาช่วยเหลือผ่านมาตรการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ทำให้เรายังรักษาพนักงานไว้และดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โรงแรมก็สามารถกลับมาเปิดดำเนินการอย่างรวดเร็ว และยังสามารถปรับปรุงโรงแรมเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย 

ซึ่งจากเดิมตัวโรงแรมเป็นอาคาร 5 ชั้น แต่ไม่มีลิฟต์ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ รวมถึงเครื่องทำน้ำอุ่นมีให้บริการเฉพาะชั้น 1-2 เท่านั้น ทำให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว

เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมีลมหายใจอีกครั้ง หลังจากการแพร่ระบาดยาวนานกว่า 3 ปี เทรนด์การท่องเที่ยวของผู้บริโภคมีความแตกต่างและหลากหลายมากขึ้น จากพฤติกรรมนักท่องเที่ยว แบบ Pent up demand หรือความต้องการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังอัดอั้นจากวิกฤต นำมาสู่การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวที่เคยซบเซา

ซึ่งในมุมผู้ประกอบการ ถือเป็นโอกาสสำคัญของการเพิ่มโอกาสรองรับนักท่องเที่ยว ‘เดอะคาวาลิคาซ่ารีสอร์ท’  จึงได้เพิ่มรูปแบบการทำตลาดออนไลน์เข้ามาเสริม 

ส่วน  ‘เดอะ ลิม่า เพลส’ นั้น คุณสุวิมล ตัดสินใจครั้งสำคัญ โดยพลิกสถานการณ์ให้กลับมาด้วยการ Transforms ธุรกิจครั้งใหม่ สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากได้รับ ‘สินเชื่อเพื่อการปรับตัว’ (สินเชื่อ Transforms) 

ภายใต้มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูของธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ทำให้เรานำเงินทุนก้อนนั้นมาเสริมศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจของเรา โดยใช้ลงทุนทั้งด้านดิจิทัล เทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งเสริมนวัตกรรมเข้าไปด้วย 

โดยเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้รองรับการเข้าพักของลูกค้า รวมถึงมีการนำอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ ระบบคีย์การ์ด เทคโนโลยีไร้สัมผัส (Contactless Tech) ปลดล็อกห้องพักโดยไม่ใช้กุญแจ และเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้พลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น รวมถึงติดตั้งลิฟต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 

ซึ่งการ Transforms ธุรกิจใหม่ครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก แต่สิ่งที่ได้รับตามมา คือการขยับไปสู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่ Up Level มีศักยภาพมากขึ้น นอกจากความตั้งใจให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายจากการใช้บริการ ยังขยายฐานกลุ่มเป้าหมายเดิมที่เป็นลูกค้าทั่วไป โดยเพิ่มบริการในมาตรฐานระดับ High Value Service จึงรองรับลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น  

คุณสุวิมล กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการที่คาดว่าจะดำเนินการภายในปลายปี 2566 คือการปรับปรุงอาคารด้านหน้าโรงแรม โดยพัฒนาเป็นพื้นที่ให้บริการด้าน Wellness เพื่อรองรับและตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness tourism) ที่ได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยวยุคใหม่ พร้อมกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งในทุกมิติ 

นอกจากการปรับปรุงด้านอุปกรณ์และการบริการ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาและวางแผนจะติดตั้งโซลาร์รูฟ (Solar Roof) บนหลังคาอาคารเพื่อการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า อีกทั้งช่วยประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งแนวทางปรับตัวสู่ Green Energy เนื่องจากโรงแรมให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาโดยตลอด

ใครอยากมาเที่ยวอยุธยาตามรอย ‘น้องลิซ่า’ พร้อมเดินทางมาชมโบราณสถานเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้  ลองมาพักผ่อนที่ ‘เดอะ ลิม่า เพลส’ และ ‘เดอะคาวาลิคาซ่ารีสอร์ท’ โรงแรมอยุธยา ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อน รับลมชมวิวธรรมชาติ ว่ายน้ำผ่อนคลายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า พร้อมกับนอนชมวิวรถไฟหลักล้านยามเย็นกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรม 

ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำพาโนรามิคระบบเกลือ สนามเด็กเล่น ให้คุณเพลิดเพลินใจได้อย่างแฮปปี้ในวันที่แสนพิเศษ และยังมีบริการอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งคาเฟ่ที่หอมหวานไปด้วยกาแฟและเบเกอรี่ พร้อมอาหารที่เต็มไปด้วยความอร่อย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีฟิตเนสให้บริการสำหรับท่านใดที่รักสุขภาพ ทางโรงแรมยังมีสถานที่จอดรถรองรับได้มากมายหลายคัน ใครมีแพลนมาเที่ยวอยุธยาลองมาพักที่นี่รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน 

ทำความรู้จัก ‘โรงแรมเดอะคาวาลิคาซ่า รีสอร์ท และ ‘เดอะ ลิม่า เพลส’ เพิ่มเติมได้ที่ 

ที่อยู่ 39/1-2 บ้านเกาะ อ าเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โทร 035 881222, 065 8245364 (24 Hrs.)

www.cavallicasaresort.com

Facebook.com : The Cavalli Casa Resort

Line OA : @cavallicasaresort

Youtube : The Cavalli Casa Resort

IG : cavallicasaresort

Tiktok : TheCavalliCasaResort