เผยโฉม 6 สตาร์ทอัพ EV สัญชาติไทย พร้อมเฉิดฉายในวงการยานยนต์ไฟฟ้า

องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) รายงานแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ปี 2023 ระบุในปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมียอดขายมากกว่า 10 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วน 14% ของยอดขายยานยนต์ทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 4% ในปี 2020

ปัจจุบันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่อยู่ใน 3 ตลาดหลัก โดย ‘จีน’ เป็นผู้นำด้วยสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 60% ในปี 2022 ตามด้วยยุโรป และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองตลาดก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 15% และ 50% ตามลำดับในปีที่ผ่านมา

สำหรับตัวเลขคาดการณ์ในปี 2023 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตแตะ 14 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 35% และคิดเป็นสัดส่วน 18% ของยอดขายยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ยานยนต์ใหม่ 5 คันจะเป็นรถอีวี 1 คัน

https://www.mreport.co.th/news/statistic-and-ranking/220-Global-Electric-Vehicles-Sales-2023-expects-to-reach-14-million

นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ระบุว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามียอดจำหน่ายทั่วโลกในปี 2565อยู่ที่ราว 10.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับปี 2564  ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์สันดาปทั่วโลก ปี 2565 อยู่ที่ 63.2 ล้านคัน เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายรถยนต์สันดาปในปี 2560  ที่รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ได้รับความนิยมมากนัก มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 85 ล้านคัน

จะเห็นได้ว่าเทรนด์การใช้รถยนต์สันดาปหรือรถใช้น้ำมันเริ่มลดลง มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่รายงานของ Bloomberg คาดการณ์ว่าภายในปี  2571 ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าจะมีมูลค่ามหาศาลถึง 5.97 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 21 ล้านล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งการปฏิวัติยานยนต์เลยก็ว่าได้

เมื่อหันมาดูบ้านเรา ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรือ รถ EV (Electric Vehicle) ในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดจากงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทในไทย มีจำนวนกว่า 36,775 คันแล้ว อีกทั้งคาดว่าปีนี้ยอดขายรถยนต์นั่ง EV จะเติบโตขึ้น 3 เท่า หรือประมาณ 40,000 คัน หากประเทศไทยตั้งเป้าว่าจะเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกอาจจะใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปี 

ขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจรายใหญ่ที่ปรับตัวเพื่อสร้างโอกาสเติบโตในตลาด EV เท่านั้น แต่ประเทศไทยมีสตาร์ทอัพและบริษัทสัญชาติไทยหลายราย ที่ก้าวลงสู่สนามแข่งเพื่อพัฒนานวัตกรรมและบริการในอุตสาหกรรม EV นี้เช่นกัน

โดยที่ผ่านมามี สตาร์ทอัพ EV ไทยที่กำลังมาแรง พร้อมโลดแล่นในวงการรถยนต์ไฟฟ้าไทย ซึ่งแต่ละรายมีความพร้อมผลิต EV หลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุม ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากแบรนด์ EV ต่างชาติได้ ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ไม่น้อย 

EV CAR สัญชาติไทย มีเจ้าไหนน่าสนใจบ้าง?

1. ETRAN ผู้ผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้า ช่วยไรเดอร์ประหยัดเงิน 

สตาร์ทอัพรายนี้ ผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อคนขับวินรับ-ส่งผู้โดยสารและไรเดอร์เป็นหลัก ซึ่งหากใครสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันบ่อย ๆ อาจคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นนี้กันมาบ้าง เพราะ ETRAN เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับแอปพลิเคชัน Robinhood และ Shopee Food  ซึ่งเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่ตั้งใจพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อบริการสาธารณะ และมุ่งมั่นลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยให้บรรดาไรเดอร์ประหยัดต้นทุนค่าน้ำมันในการขนส่ง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง

สำหรับ ETRAN เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังงานสะอาด 2 รุ่น ด้วยกัน คือ รุ่นที่ 1 KRAF สำหรับทำตลาดในกลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป และรุ่นที่ 2 MYRA เน้นบุกตลาดกลุ่มขนส่ง (ไรเดอร์เดลิเวอรี่) ในรุ่น ETRAN MYRA ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่อการขนส่งโดยเฉพาะ ดีไซน์คล่องตัว เน้นการปรับเปลี่ยนรองรับอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล่องขนส่ง ตู้เย็น อุปกรณ์ติดตาม และมีระบบบริหารจัดการเครือข่ายขนส่งขนาดใหญ่ ทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่รวดเร็วด้วยการ Swap  แบตเตอรี่ลิเธียมที่ไม่ต้องรอชาร์จ โดยมีระยะทางต่อการชาร์จ 180 กิโลเมตร พร้อมเทคโนโลยีสนับสนุนระบบบริหารฟลีท (Fleet) สามารถเก็บข้อมูลเส้นทาง ระยะเวลาขนส่ง ฯลฯ เพื่อนำข้อมูลมาบริหารแผนธุรกิจเพื่อกลุ่มธุรกิจขนส่งโดยเฉพาะ 

นับเป็นก้าวแรกของอุตสาหกรรม EV ไทยสู่สายการผลิตแบบแมสโดยทีมงานคนไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นการปลดล็อคเทคโนโลยี EV ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกับลูกค้าทุกกลุ่ม 

รวมถึงยังมีบริการ Swap แบตเตอรี่ที่สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ ETRAN Power Station ที่จะติดตั้งทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล 100 จุด เพื่อรองรับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มไรเดอร์ และวางเป้าหมายการเติบโต

2. ‘MuvMi’ ผู้ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า แบบ Ridesharing เจ้าแรกในไทย

มูฟมี (MuvMi) รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 100% สัญชาติไทย ที่มีความโดดเด่น คือ สามารถเรียกผ่านแอปพลิเคชันได้ เพื่อใช้เดินทางเฉพาะย่าน ให้บริการในระบบ Ride Sharing คือทางเดียวกันไปด้วยกัน สำหรับค่าบริการเริ่มต้นเพียง 10 บาท นั่งได้สูงสุด  6 คน ข้อดีคือ ไม่มีกลิ่นท่อไอเสียรบกวน เนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% โดยปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานแล้วมากกว่า 1,000,000 ล้านครั้ง

จุดเด่นที่น่าสนใจของ มูฟมี (MuvMi)

- เป็นแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าเต็มได้ภายในครึ่งชั่วโมง

- ค่าซ่อมบำรุงรักษาถูกลง เนื่องจากมีอุปกรณ์และกลไกน้อยลง ทำให้ดูแลง่ายขึ้น

- รถออกแบบให้นั่งได้ 5-6 คน คนสูงอายุขึ้น-ลงได้สะดวก 

- มีระบบ Internet of Things (IoT) เชื่อมต่อและควบคุมรถให้มีความปลอดภัย 

 - ไม่มีท่อไอเสีย เสียงเงียบ ช่วยลดปัญหากลิ่นท่อไอเสียและปริมาณ (PM 2.5) 

- มีระบบบริหารจัดการพลังงานให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด และแจ้งเตือนการประจุแบตเตอรี่และสถานีประจุผ่านหน้าจอแสดงผล

3. ‘EV Mini Truck MT30’ รถกระบะไฟฟ้า สำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์ 

‘รถกระบะพลังงานไฟฟ้า’ สัญชาติไทยรุ่นแรก ออกแบบ ผลิต และจำหน่ายโดย บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เป็นฝีมือคนไทย 100% ชาร์จไวใน 15 นาที วิ่งไกล 200 กิโลเมตร บรรทุกได้ 1 ตัน ราคาเริ่มต้น 7.48 แสนบาท

โดย EA จะเน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ‘ผู้ประกอบการ’ หรือ สาย Food Truck ที่สนใจการใช้งานรถไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพราะต้นทุนด้านพลังงานจะลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับการใช้งานเครื่องยนต์สันดาป รวมถึงระบบชาร์จเร็วใน 15 นาที แก้จุดอ่อนของรถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทจะเดินหน้าผลักดันรถใช้เชิงพาณิชย์เพิ่มเติมอีกหลายรุ่น รวมถึงรถเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่กำลังเปิดตัวต่อจากนี้ เป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย แต่มีส่วนในการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันได้ด้วย 

4. ‘Sakun.C’ รถมินิบัสโดยสารไฟฟ้าโครงสร้างอลูมิเนียมคันแรกของโลก

รถมินิบัสโดยสารไฟฟ้า Sakun.C Innovation อยู่ภายใต้การดูแลและพัฒนาโดย บริษัทโชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง จำกัด เป็นสตาร์ทอัพที่มีเงินทุนเริ่มต้นเพียง 1 ล้านบาท เริ่มต้นด้วยการผลิตเรืออลูมิเนียม แต่ปัจจุบันสามารถผลิตรถมินิบัสโครงสร้างอลูมิเนียมคันแรกของโลกได้สำเร็จ จนมียอดจองกว่า 218 คันในปี 2561 และมีการผลิตรถมินิบัสไฟฟ้า (E-Bus) ขนาด 12 เมตร ด้วย โดยมีลูกค้ารายสำคัญอย่าง ปตท. และมี NIA ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน

สำหรับรถบัสคันนี้มีตัวถังเป็นอลูมิเนียมพิเศษขึ้นรูปคันแรกของโลก โดยเกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักวิศวกรรมกรมขนส่งทางบก ภายใต้กระทรวงคมนาคม ให้คำปรึกษาเรื่อง สเปค และมาตรฐานการออกแบบตลอดช่วงการพัฒนา รวมถึงให้การสนับสนุนในการใช้เครื่องมือทดสอบทุกอย่างโดยไม่มีค่าใช้จ่าย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ สำนักมาตรฐานอุตสาหกรรม ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น

5. “รถบรรทุกไฟฟ้า” (EV Truck) บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU

บริษัทไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU ผู้ผลิตชิ้นส่วนและจัดจำหน่ายรถยนต์อเนกประสงค์สัญชาติไทย ได้พัฒนา ‘รถมินิบัสไฟฟ้า’ ขนาด 20-26 ที่นั่ง สามารถวิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จ มีขนาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 105.3 kWh และยังได้พัฒนา ‘รถบรรทุกไฟฟ้า’ (EV Truck) ขนาดบรรทุก 1,500 กิโลกรัม สามารถวิ่งได้ 240 กิโลเมตรต่อการชาร์จ เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์  (Logistic) ที่มีการเติบโตสูงมากในขณะนี้

6. ‘Navalian Group’ ผู้ผลิต ORCA เรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หนุนการท่องเที่ยว

จากการใช้น้ำมันในเรือที่มากกว่ารถยนต์เป็น 10 เท่า ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ทั้งเสียงของเครื่องยนต์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผลิตออกมาจำนวนมาก เรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จึงถูกออกแบบมาเพื่อหนุนการท่องเที่ยวชมความงามบนท้องทะเล เป็นผลงานการออกแบบและผลิตโดย บริษัท ‘Navalian Group’ ของคนไทย100% โดยมี สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ให้การสนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมนี้ 

ซึ่งเรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้แก่ชุมชนเกาะหมาก จังหวัดตราด ความพิเศษ คือ ชาร์จพลังงานได้ทันทีจากแผงโซล่าเซลล์ ควบคุมง่ายด้วยจอยสติ๊ก แถมบรรจุคนได้มากถึง 20 คน ไม่มีเสียงรบกวนและกลิ่นจากน้ำมัน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามบนท้องทะเลได้อย่างเต็มอิ่ม

โดยแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาเรือทั้งหมด 76 ตารางเมตร สามารถผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 70 กิโลวัตต์ต่อวัน และสามารถนำมาใช้งานกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บนเรือได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องอัดอากาศ ห้องครัวพร้อมตู้แช่ขนาดใหญ่ ห้องน้ำ และเครื่องทำน้ำจืด

นอกจากนี้ บริษัทยังรับจ้างผลิตเรือให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เช่น เรือปฏิบัติการทางทะเล ซึ่งสามารถปฏิบัติงานในทะเลได้อย่างไม่จำกัด เพราะใช้ระบบโซลาร์เซลล์เข้ามาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ขับเคลื่อนเรือ ทำให้เรือสามารถเดินทางได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถเดินทางได้ในระยะไกลโดยไม่ต้องกลับฝั่ง 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบริษัทที่ทำเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าสัญชาติไทยที่กำลังเดินหน้าพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต โดยมุ่งประโยชน์และผลกระทบเชิงบวก ด้านเศรษฐกิจ คือลดการนำเข้าเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศ เพื่อให้จัดจำหน่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมตราสินค้าของไทย และช่วยลดมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค ทำให้สถานการณ์ด้านพลังงานของโลกมีความมั่นคงขึ้น เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง และยังช่วยส่งเสริมสังคมให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย

อ้างอิง

https://www.etrangroup.com/

https://www.muvmi.co/en

https://www.thestorythailand.com/16/01/2023/87878/

https://workpointtoday.com/ea-ev-mini-truck-mt30/

https://www.amarintv.com/spotlight/corporate/detail/42182

https://www.facebook.com/navalian.group/posts/4147467505339092/?paipv=0&eav=AfYl4jiZv-eOQgFXR1BCD0Scbso28UjhbkmnBUNCqGsFRE5Q5_hPWw-dghOijgSzz78&_rdr