แนวทางสืบทอด 2 แบบอย่าง ของทายาทธุรกิจครอบครัว ที่เปลี่ยนผ่าน (Transition) สู่ความยั่งยืนแบบไร้รอยต่อ
การส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ ที่ผู้นำองค์กรต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านระบบการบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ การวางโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน และการเปิดโอกาสให้ทายาทได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่างองค์ความรู้ดั้งเดิมกับแนวคิดสมัยใหม่ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ดังจะเห็นได้จากกรณีศึกษาของคุณนรฤทธิ์ วิสิฐนรภัทร แห่ง loqa ที่ต่อยอดธุรกิจวัสดุทนไฟสู่นวัตกรรมวัสดุยั่งยืน และคุณพลากร เชาวน์ประดิษฐ์ แห่งบริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด ที่พัฒนาธุรกิจขนมจากระบบการค้าแบบดั้งเดิมสู่การค้าสมัยใหม่ ทั้ง 2 ธุรกิจครอบครัวนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการผสมผสานจุดแข็งของธุรกิจดั้งเดิมเข้ากับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาด

บทเรียนสำคัญจากความสำเร็จ ที่จะเป็นแนวทางให้ธุรกิจครอบครัวอื่น ๆ ได้เรียนรู้ถึงการเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยให้ธุรกิจครอบครัว สามารถเติบโตและส่งต่อสู่รุ่นต่อไปได้อย่างมั่นคง มีแนวทางอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้
การปรับโฉมธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน จาก “บางกอกแสงไทย” สู่ “loqa”
บริษัท บางกอกแสงไทย จำกัด ผู้ผลิตอิฐและวัสดุทนไฟสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ความร้อนสูง เป็นธุรกิจครอบครัวที่ก่อตั้งมากว่า 50 ปี ภายใต้การนำของ คุณนรฤทธิ์ วิสิฐนรภัทร ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน ที่ได้เข้ามารับช่วงต่อกิจการ และก่อตั้งแบรนด์ 'loqa' (โลกา) ขึ้น เพื่อต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์สู่นวัตกรรมวัสดุยั่งยืน

คุณนรฤทธิ์ วิสิฐนรภัทร ทายาทรุ่นที่ 3 บริษัท บางกอกแสงไทย จำกัด
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) loqa จึงเกิดขึ้นจากแนวคิดการนำวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิตมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่า โดยใช้จุดแข็งของบริษัทที่มีทั้งเครื่องมือที่ทันสมัย ระบบการทำงานที่ได้มาตรฐาน และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุที่มากด้วยประสบการณ์
การผสมผสานองค์ความรู้ดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมใหม่ ทำให้ loqa สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งานและความยั่งยืน นำไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน

ความสำเร็จของ loqa ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการต่อยอดธุรกิจครอบครัวอย่างชาญฉลาด แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของธุรกิจที่ตอบรับกระแสความยั่งยืนระดับโลก ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการพัฒนาธุรกิจครอบครัวสู่ความยั่งยืน โดยการผสานความเชี่ยวชาญดั้งเดิมเข้ากับแนวคิด Circular Economy เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งไม่เพียงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ แต่ยังช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน

อ่านบทสัมภาษณ์ ฉบับเต็ม
‘loqa’ (โลกา) อิฐรักษ์โลกจากวัสดุเหลือทิ้ง ผสาน “ดีไซน์” กับ “ความยั่งยืน” Transition ธุรกิจสู่ Net Zero
ศตวรรษ : คลิก
จากโรงเลื่อยสู่อาณาจักรขนม เส้นทางความสำเร็จของธุรกิจครอบครัว "พงษ์จิตต์"
บริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด ภายใต้การนำของ คุณพลากร เชาวน์ประดิษฐ์ ทายาทรุ่นที่ 3 เป็นตัวอย่างของธุรกิจครอบครัวที่มีการปรับตัวอย่างชาญฉลาด จากจุดเริ่มต้นที่เป็นโรงเลื่อยในยุคบุกเบิกอุตสาหกรรมไม้ของไทย สู่การก่อตั้งบริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด ในปี 2516 เพื่อผลิตขนมลูกอม "เฮโล" ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด

คุณพลากร เชาวน์ประดิษฐ์ ทายาทรุ่นที่ 3 บริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด
การเปลี่ยนผ่าน (Transition) จากรุ่นสู่รุ่นของธุรกิจนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่แตกต่าง แต่ลงตัว จากรุ่นคุณปู่ที่เริ่มต้นด้วยลูกอมเม็ดแข็ง สู่รุ่นที่ 2 ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ “จอลลี่ สติก” (Jolly Stick) จนปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์เยลลี่หลายประเภท เช่น จอลลี่แบร์ เยลลี่รูปหมี และจอลลี่โคล่า ที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง แม้ในยุคที่การตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายยังมีข้อจำกัด
จนมาถึงรุ่นที่ 3 ภายใต้การนำของคุณพลากร ที่เข้ามาปฏิรูประบบการบริหารจัดการและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ระบบการค้าสมัยใหม่ ความโดดเด่นของการบริหารธุรกิจครอบครัวแห่งนี้ คือการวางระบบที่ชัดเจนทั้งด้านการจัดการและการใช้เทคโนโลยี มีการกระจายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ทายาทแต่ละคนตามความถนัด พร้อมทั้งนำระบบการวัดผลแบบมืออาชีพมาใช้ผ่าน KPI แทนการประเมินด้วยความรู้สึก ทำให้องค์กรมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

คุณพลากร ยังให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสู่อนาคต ด้วยการเปิดกว้างรับแนวคิดใหม่ ๆ จากทายาทรุ่นต่อไป โดยเชื่อว่าแต่ละเจนเนอเรชั่นมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของตนเอง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

ความสำเร็จของบริษัท พงษ์จิตต์ จำกัด สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารธุรกิจครอบครัวที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากรุ่นสู่รุ่น การปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด และการวางระบบบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตผ่านการเปิดรับแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ จากทายาทรุ่นต่อไป
อ่านบทสัมภาษณ์ ฉบับเต็ม
"จอลลี่แบร์" จากลูกอมเม็ดแข็ง สู่ตำนานเยลลี่รูปหมีที่ครองใจคนไทยยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ : คลิก
3 ข้อคิดการเปลี่ยนผ่านธุรกิจครอบครัวสู่ความยั่งยืน จากกรณีศึกษาของ 2 ทายาทธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่
1. การรับมือความท้าทายในการสืบทอดธุรกิจครอบครัว
เนื่องจากทายาทรุ่นใหม่ มักเผชิญกับความกดดันในการพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถสานต่อความสำเร็จของครอบครัวได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องรับช่วงต่อจากผู้ก่อตั้งที่ประสบความสำเร็จมายาวนาน การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานหรือนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ มักพบแรงต้านจากพนักงานรุ่นเก่าที่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังต้องรักษาสมดุลระหว่างการเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดกับการรักษาคุณค่าและวัฒนธรรมองค์กรที่สั่งสมมา
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจร่วมกันในครอบครัว ทั้งในเรื่องของวิสัยทัศน์ ค่านิยม และเป้าหมายของธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาทายาท ให้มีความรู้ความสามารถและพร้อมรับผิดชอบต่อธุรกิจและ การสร้างระบบบริหารจัดการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

2. กลยุทธ์สำคัญสู่ความสำเร็จ
ทายาทที่ประสบความสำเร็จ มักเริ่มต้นจากการเรียนรู้ธุรกิจอย่างถ่องแท้จากรุ่นพ่อแม่ ทั้งในแง่การบริหาร การตลาด และวัฒนธรรมองค์กร ก่อนที่จะค่อย ๆ นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่องค์กร ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการพัฒนาตนเองทั้งด้านการศึกษาและประสบการณ์จากภายนอก เพื่อนำแนวคิดมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ การสร้างความเชื่อมั่นจากทีมงานและการสื่อสารวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงประสบความสำเร็จ

3. แนวทางการเปลี่ยนผ่าน (Transition) ที่ยั่งยืน
การวางแผนสืบทอดธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มต้นล่วงหน้าหลายปี โดยทายาทรุ่นใหม่ควรได้เรียนรู้งานในหลายส่วนของธุรกิจ และค่อย ๆ รับผิดชอบงานที่สำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ ขณะเดียวกันต้องสร้างระบบบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้องค์กรในระยะยาว ที่สำคัญคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงและการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ

อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนผ่านธุรกิจครอบครัวสู่ความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการส่งต่อการบริหารจากรุ่นสู่รุ่น แต่เป็นกระบวนการที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบและใช้เวลา ทายาทรุ่นใหม่ควรเริ่มต้นจากการเรียนรู้รากฐานและคุณค่าของธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาตนเองให้มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวทันโลก สามารถนำนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
การสร้างสมดุลระหว่างการรักษาคุณค่าดั้งเดิมกับการปรับตัวสู่อนาคต พร้อมทั้งการพัฒนาระบบบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพและโปร่งใส จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับการสืบทอดธุรกิจครอบครัวสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การสืบทอดธุรกิจครอบครัว จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวและพัฒนาเพื่อความอยู่รอดและการเติบโตอย่างยั่งยืน ทายาทธุรกิจรุ่นใหม่จึงต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ
แนวทางการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล
ไม่ว่าจะเป็น การนำระบบออโตเมชันมาใช้ในธุรกิจ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์กร โดยการปรับปรุงกระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดความผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการให้บริการ ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับระบบออโตเมชัน การนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยการประยุกต์ใช้ระบบ ERP ในการบริหารทรัพยากรองค์กร การนำ Big Data มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และการพัฒนาระบบ CRM เพื่อบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า รวมถึงการใช้ระบบคลาวด์ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่แม่นยำและเป็นปัจจุบัน
นอกจากนี้ การต่อยอดธุรกิจด้วยการสร้าง New S-Curve เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจ โดยผู้สืบทอดธุรกิจควรมองหาโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ การสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะกลุ่มตลาดที่แตกต่าง ตลอดจนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดใหม่ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคต และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจเดิมเพียงอย่างเดียว
4 คุณสมบัติสำคัญของผู้สืบทอดธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
1. มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
เข้าใจแนวโน้มตลาดและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี กล้าคิดนอกกรอบ และพร้อมรับความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล เพิ่มโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่
2. ทำความเข้าใจ พร้อมพัฒนาบุคลากร
ผู้สืบทอดธุรกิจ ควรรับฟังความคิดเห็นของพนักงานทุกระดับ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญคือ ต้องพัฒนาทักษะของพนักงานให้พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง
3. มีความเป็นผู้นำและความสามารถในการบริหาร
มีทักษะการตัดสินใจที่เด็ดขาดและรอบคอบ สามารถสื่อสารวิสัยทัศน์และเป้าหมายได้ชัดเจน
บริหารจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. รักษาสมดุลระหว่างคุณค่าดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่
ผู้สืบทอดธุรกิจ ที่จะปรสบความสำเร็จ ต้องเคารพและรักษาจุดแข็งของธุรกิจครอบครัว
ผสมผสานแนวคิดใหม่กับประสบการณ์ดั้งเดิม เพื่อสร้างความไว้วางใจจากทั้งคนรุ่นเก่าและใหม่
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมและวางแผนอย่างรอบคอบจะช่วยให้การส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นเป็นไปอย่างราบรื่นและนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ติดตามสาระเรื่องธุรกิจครอบครัวได้ใหม่ในตอนหน้า