ธุรกิจครอบครัวที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นของตระกูล "Mars" และพลังแห่งการสืบทอดยาวนานกว่า 113 ปี

Family Business
24/12/2024
รับชมแล้วทั้งหมด 18 คน
ธุรกิจครอบครัวที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นของตระกูล "Mars" และพลังแห่งการสืบทอดยาวนานกว่า 113 ปี
banner
ในโลกของธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การดำรงอยู่ของธุรกิจครอบครัวที่สามารถสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจยิ่ง บางบริษัทสามารถยืนหยัดและเติบโตมาได้นานกว่าศตวรรษ ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงพลังของการบริหารที่มีวิสัยทัศน์ การปรับตัว และความสามัคคีภายในครอบครัว

ความท้าทายของธุรกิจครอบครัว ไม่เพียงแต่อยู่ที่การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในรุ่นแรก หากยังต้องคำนึงถึงการถ่ายทอดและสืบทอดกิจการให้เติบโตต่อไปในรุ่นถัดไป การที่ธุรกิจจะอยู่รอดและเฟื่องฟูได้นั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่การวางแผนสืบทอดที่รอบคอบ การปลูกฝังค่านิยมองค์กร ไปจนถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดยาวนานนับร้อยปี 

ในระดับโลก มีตัวอย่างบริษัทครอบครัวที่ดำรงอยู่มายาวนานหลายแห่ง อาทิ Kongo Gumi บริษัทก่อสร้างที่ประสบความสำเร็จอย่างยาวนานจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งมากว่า 1,400 ปี และ Hoshi Ryokan โรงแรมที่ดำเนินกิจการต่อเนื่องมากว่า 1,300 ปี 


 

Jim Beam โรงกลั่นวิสกี้แบบ Bourbon ที่ก่อตั้งโดยครอบครัว Beam ในรัฐเคนทักกี้ สหรัฐอเมริกา โดย Jacob Beam ในปี 1795 และเป็นธุรกิจครอบครัวต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 225 ปี ทำให้ Jim Beam ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่ม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา 
 


นอกจากนี้ ยังมี ตระกูลมาร์ส (Mars) ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินกิจการมายาวนาน เริ่มต้นจากการผลิตช็อกโกแลตและขยายธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์ และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้วิเคราะห์ถึงวิสัยทัศน์ และแนวคิดการทำธุรกิจของตระกูลมาร์ส ได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ 

 

Mars เป็นธุรกิจครอบครัวที่มีแบรนด์ขนมขบเคี้ยวและช็อกโกแลต ประมาณ 20 แบรนด์ที่ทำตลาดในระดับโลก และมีการส่งต่อธุรกิจถึงรุ่นที่ 4 แล้ว ด้วยกระบวนการเตรียมพร้อมเพื่อบ่มเพาะทายาทในรุ่นที่ 5 และส่งต่อธุรกิจอายุ 113 ปีที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2454 ให้ยืนยงต่อไป

ทั้งนี้ ภายใต้การกุมบังเหียนของ วิคตอเรีย มาร์ส (Victoria Mars) ประธานคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลมาร์ส (Mars) และรับตำแหน่งแทน สตีเฟ่น เอ็ม. แบดจอร์ (Stephen M. Badger) ในปี 2557

เธอเปิดเผยถึงชีวิตในช่วงแรกที่เข้ามาในธุรกิจครอบครัวของตนเองว่า  Mars เป็นที่ทำงานเดียวในชีวิตของตนเอง และเข้ามาทำงานตั้งแต่เป็นพนักงานระดับล่างตามนโยบายของครอบครัว ค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารตามลำดับ โดยที่ต้องทำงานและมีสถานะเช่นเดียวกับพนักงานบริษัททุกประการ ไม่มีสิทธิพิเศษในฐานะทายาทธุรกิจแต่อย่างใด

ก่อนคว้าดาว มือต้องเปื้อนโคลนก่อน

“หนึ่งในความยากของการเป็นทายาทในธุรกิจครอบครัวก็คือ ความสงสัยที่ว่า เราทำงานได้ดีจริงหรือเปล่า แล้วการประเมินผลงานที่เราได้รับนั้น เป็นการประเมินจริงไหม ซึ่งความสงสัยเช่นนี้อาจมีผลทำให้เราเสียความมั่นใจได้ ฉะนั้น การหาประสบการณ์ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จกับการทำงานข้างนอกก่อนที่จะเข้ามาในธุรกิจครอบครัว ย่อมจะทำให้ทายาทหรือสมาชิกในครอบครัวเข้าใจได้ถึงจุดแข็ง ตลอดจนความสามารถและศักยภาพของตนเอง นอกจากนี้ ยังช่วยให้มีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น เมื่อเข้าสู่ธุรกิจครอบครัวจริง ๆ

 

หลังจากบ่มเพาะประสบการณ์ และรู้ได้ถึงศักยภาพของตนเอง เมื่อเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัวก็สามารถประกาศให้คนในธุรกิจรับรู้ได้ว่า “เราคือใคร” นอกจากนี้ ทั้งคุณพ่อและคุณลุงมักจะสอนพวกเราเสมอว่า เราต้องทำตัวเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น โดยที่ไม่มีสิทธิประโยชน์พิเศษใด ๆ ที่สำคัญ ต้องเข้ากับพนักงานให้ได้ด้วย ขณะเดียวกัน ต้องวางตนและปฏิบัติตนอย่างมีจิตสำนึกทั้งภายในและภายนอกองค์กร แต่ที่น่าเศร้าคือ การรักษาระยะห่างระหว่างพนักงานด้วย ซึ่งประเด็นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องท้าทาย ขณะเดียวกันก็ทำเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว
 
วิคตอเรีย กล่าวต่อไปว่า “สำหรับเป้าหมายของสมาชิกในครอบครัวที่จะเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัวนั้น แน่นอนว่า ย่อมต้องการที่จะประสบความสำเร็จ แต่อาจเป็นไปได้ว่า สมาชิกในครอบครัวอาจจะดำเนินงานผิดพลาด จนกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกประการ ดังนั้น เราจึงพัฒนาระบบการจัดจ้างในครอบครัวสำหรับทายาทรุ่นต่อไปที่จะเข้ามาในธุรกิจครอบครัวด้วย”

อยากให้ทายาทมีความสุข และปั้นฝันของตนเองได้

อาณาจักร Mars อนุญาตให้สมาชิกในครอบครัวทำงานข้างนอกธุรกิจ เพื่อเดินตามฝันของตนเอง ได้ทำสิ่งที่อยากทำได้ เพราะ Mars อยากให้ลูกหลานมีความสุข มีความผูกพัน แต่ขณะเดียวกัน จะต้องมีความรับผิดชอบ และผูกพันกับธุรกิจของครอบครัว แม้จะไม่ได้ทำงานด้วยก็ตาม
 

3 ปัจจัยความสำเร็จเพื่อส่งต่ออาณาจักร Mars

3 ปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวสืบทอดธุรกิจได้ยืนยงถึง 4 รุ่น และส่งต่อกันต่อไปนั้น วิคตอเรียชี้ว่า ประกอบด้วย  

1. การสื่อสารกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว ปัจจัยนี้ถือว่ามีความสำคัญกับการส่งต่อธุรกิจให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป เมื่อสมาชิกในครอบครัวไมได้เข้ามาในธุรกิจกันทุกคน ดังนั้น การสื่อสารให้สมาชิกในครอบครัวได้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในธุรกิจของครอบครัวจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

2. การศึกษาเพื่อบ่มเพาะให้มีทักษะที่ดีและมีธรรมาภิบาล ปัจจัยนี้ต้องบ่มเพาะให้มั่นใจได้ว่า สมาชิกในครอบครัวจะมีทักษะที่ดี และเป็นคนที่มีธรรมาภิบาล ประกอบกับทักษะต่าง ๆ ของสมาชิกในครอบครัวนั้นจำเป็นต้องใช้สำหรับการทำงานในธุรกิจครอบครัว เช่น การบริหารความขัดแย้ง ทักษะการฟัง เป็นต้น 

เพราะยิ่งในธุรกิจครอบครัวมีคนมากขึ้นเท่าไร ก็ย่อมจะมีมุมมองที่แตกต่างกันเพิ่มขึ้นไปด้วย ดังนั้น การศึกษาแนว “ฮาวทู” (How To) สำหรับการบริหารจัดการจึงเป็นความสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้

3. การมีธรรมาภิบาลที่ดี ในส่วนนี้จะต้องเริ่มสร้างด้วยการกำหนด “นโยบายและโครงสร้าง” แน่นอนว่า ในระยะเริ่มต้นของธุรกิจครอบครัวก็อาจจะไม่มีโครงสร้างมารองรับ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป เราจะไม่มี “นโยบายและโครงสร้าง” เพื่อรองรับนั้นย่อมไม่ได้ ที่สำคัญ ต้องมีการระบุบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนด้วย อย่าง ธรรมาภิบาล การปฏิบัติงาน ความเป็นเจ้าของธุรกิจและครอบครัว ที่สำคัญ การมีสมาชิกในครอบครัวที่นั่งในตำแหน่งคณะกรรมการบริหารธุรกิจ ย่อมจะมีบทบาทที่แตกต่างกับสมาชิกในครอบครัวทั่ว ๆ ไป  
 
ทั้งนี้ เพื่อให้การส่งต่อธุรกิจประสบความสำเร็จ นอกจาก 3 ปัจจัยแล้วยังต้องมีการวาง “นโยบาย” เพื่อให้การขับเคลื่อนปัจจัยต่าง ๆ มีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย หนึ่งในความสำคัญหลัก ๆ คือการกำหนดนโยบายการจ้างงานของทายาทรุ่นต่อไป ซึ่งจะต้องครอบคลุมถึงบรรทัดฐานสำหรับการทำงานในธุรกิจของครอบครัว ตลอดจนวิธีการบริหารจัดการเกี่ยวกับอาชีพของบรรดาทายาท วิธีการประเมินศักยภาพของทายาท เป็นต้น

ต้องสานสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทายาทรุ่นต่อ ๆ ไป

การวางแผนรองรับการสืบทอดให้ทายาทรุ่นที่ 5 ของตระกูล แม้สมาชิกในครอบครัวแต่ละรุ่น จะมีองค์ความรู้ มีความสัมพันธ์และมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันในธุรกิจครอบครัวก็จริง แต่ต้องยอมรับถึงความแตกต่าง และทำความเข้าใจว่าองค์ความรู้นั้น ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญกว่านั้น คือ การหาวิธีสานสัมพันธ์ในครอบครัวให้ใกล้ชิดกัน เพราะความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่มีต่อกันทางด้านจิตใจ มีความสำคัญมากกว่า และเป็นความสัมพันธ์ที่มาจากกระบวนการต่าง ๆ ที่จะต้องมาควบคู่กับบรรดาหลักการและค่านิยม ที่ถูกสร้างไว้อย่างแข็งแกร่ง 

 

ซึ่งครอบครัวของคนในตระกูลมาร์ส โชคดีที่มี “หลักการและค่านิยม” ที่แข็งแกร่งมาก และไม่เพียงทำให้คนในธุรกิจทำงานร่วมกันได้เท่านั้น หากแต่ยังทำให้ครอบครัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย

นอกจาก “หลักการและค่านิยม” พวกเรายังต้องดำเนินการตามเจตนารมณ์ที่เราได้ประกาศออกไปด้วย เพราะโลกที่เราต้องการในวันพรุ่งนี้นั้น เริ่มด้วยวิธีการดำเนินธุรกิจของเราในวันนี้ รวมทั้งครอบครัวด้วย

การโฟกัสที่ “ค่านิยม หลักการ เจตนารมณ์” คือสิ่งที่จะทำให้สมาชิกในครอบครัวมีความผูกพันกันทางด้านจิตใจ รวมไปถึงธุรกิจครอบครัวด้วย แม้คนเหล่านี้จะไม่ได้ทำงานในธุรกิจครอบครัวก็ตาม เพราะพวกเขาสามารถที่จะตั้งคำถามต่าง ๆ ได้ เช่น ธุรกิจอยู่เพื่อเจตนารมณ์หรือเปล่า? เราจะภาคภูมิใจได้ไหมว่า ธุรกิจครอบครัวของเรามีจุดยืนอย่างไร? นี่จึงเป็นวิธีการที่เรายังคงเชื่อมโยงสมาชิกรุ่นต่าง ๆ ของครอบครัวได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ธุรกิจอาจจะมีความแตกต่างไปสำหรับทายาทรุ่นต่อไป  แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับทายาทในรุ่นปัจจุบันคือ การยอมรับและปล่อยให้เป็นไป ซึ่งก็มักจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเรายังคงยึดมั่นกับค่านิยมและความผูกพันกันทางด้านจิตใจ เราก็จะสามารถก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงไปได้” วิคตอเรียกล่าว

5 ค่านิยมที่ยึดมั่น

ก่อนหน้าที่ตระกูลมาร์ส จะมีเจตนารมณ์ของตัวเอง ครอบครัวของเขามีค่านิยม 5 ประการที่ยึดมั่น นั่นคือ “คุณภาพ ประสิทธิภาพ ความรับผิดชอบ ความผูกพันซึ่งกันและกัน อิสรภาพ” ซึ่งถูกนำใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วย เป็นมุมมองของความผูกพันซึ่งกันและกันมาตั้งแต่ยุคคุณปู่ในปี 2490 และส่วนที่เกี่ยวกับหลักการและค่านิยมได้มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในปี 2526 เนื่องจากในขณะนั้น ธุรกิจของครอบครัวกำลังเติบโต ดังนั้น ต้องมั่นใจให้ได้ว่า ผู้เกี่ยวข้องกับเราทั่วโลกทั้งหมด จะต้องทราบถึงค่านิยมขั้นพื้นฐานขององค์กร เพราะเรามาถึงจุดที่เราไม่สามารถจะไปนั่งพูดคุยกับใคร ๆ แบบส่วนตัวเพื่อบอกถึงค่านิยมของครอบครัวได้

  

หลักการต่าง ๆ เหล่านี้คือ “กาว” ที่ยึดโยงธุรกิจของครอบครัวเข้าไว้ด้วยกัน จริง ๆ แล้ว คำว่า “คุณภาพ ประสิทธิภาพ ความรับผิดชอบ” อาจจะดูโบราณไปแล้ว แต่สำหรับธุรกิจที่ดี ยังต้องมีปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนประกอบด้วย

ขณะที่อีก 2 ค่านิยม ที่มีความเกี่ยวข้องกัน โดยในส่วนของ “ความผูกพันซึ่งกันและกัน” มีพื้นฐานที่ทั้ง Mars และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด Win-Win ในทุก ๆ ธุรกรรมทางธุรกิจ นอกจากนี้ ด้วยความจำเป็นที่อาณาจักร Mars จะต้องเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไร เพราะหากพวกเขาประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน ก็จะรักษาอิสรภาพของตนเองไว้ได้ และสามารถที่จะวางแผนธุรกิจในระยะยาว 5-10 ปี อีกทั้งสามารถดำเนินการกับอะไรที่ต้องการได้   

“การยึดมั่นกับ 5 หลักการไปพร้อม ๆ กันนั้น สิ่งที่จะต้องชดเชยเพื่อหาความสมดุลที่เหมาะสม คือ การตัดสินใจ
 
วิคตอเรีย กล่าวถึงเหตุผลที่ว่า เหตุใดความโปร่งใสจึงมีความสำคัญสำหรับอาณาจักร Mars แห่งนี้ว่า

“ถ้าเจ้าของแบรนด์ไม่เล่าเรื่องของตนเอง คนอื่นก็จะมาเล่า (อยู่ดี) แม้ว่าเราจะเป็นครอบครัวที่มีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องวางตัวให้มีความโปร่งใส หรือต้องตีแผ่ตนเอง ทว่า เราก็ตระหนักอยู่ดีว่า เราต้องเป็นเช่นนั้น”

ปัจจุบัน โลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คุณปู่ของวิคตอเรียเคยพูดไว้ว่า แบรนด์ต่าง ๆ ของเรา จะทำหน้าที่พูดถึงตนเอง แล้วแต่ละแบรนด์ในยุคของคุณปู่ ก็มีจุดยืนที่เป็นอิสระต่อกัน ผู้บริโภคและพนักงาน ไม่ได้สนใจว่า แต่ละแบรนด์นั้นมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ในทุกวันนี้ ผู้บริโภคเปลี่ยนไปในแง่ที่ว่า พวกเขาสนใจว่าตนเองกำลังมองหาอะไร อยากรู้ว่า “ใคร และ อะไร” ที่อยู่เบื้องหลัง “แบรนด์” ผู้บริโภควันนี้ จะเลือกซื้อบนพื้นฐานของ “หลักการและค่านิยม” ไม่ใช่แค่ว่า ธุรกิจนั้น ให้อะไรกับตนเองได้ ซึ่งนี่คือวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และมีความสำคัญกับคนรุ่นต่อไปด้วย

 

แบบอย่างความสำเร็จของธุรกิจตระกูลมาร์ส (Mars)  เกิดจากการสืบทอดที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการวางแผนถ่ายทอดธุรกิจอย่างเป็นระบบ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจครอบครัวที่ไม่สามารถดำรงอยู่ได้เกิน 3 รุ่น มักประสบปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ การขาดการวางแผนการถ่ายทอดธุรกิจที่ดี ทายาทขาดความสนใจ หรือขาดทักษะในการบริหาร ความขัดแย้งภายในครอบครัว และการไม่สามารถปรับตัวตามบริบทที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงการบริหารแบบรวมศูนย์ ไม่กระจายอำนาจ และการยึดติดกับโมเดลธุรกิจเดิม โดยไม่ยอมรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่

 

ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจครอบครัว คือ การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เปิดใจรับคนรุ่นใหม่และมุมมองใหม่ ที่สำคัญคือ ต้องมีความยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ ธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสืบทอดโดยสายเลือดเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว การสร้างระบบ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ธุรกิจครอบครัวที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นของตระกูล "Mars" และพลังแห่งการสืบทอดยาวนานกว่า 113 ปี

ธุรกิจครอบครัวที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นของตระกูล "Mars" และพลังแห่งการสืบทอดยาวนานกว่า 113 ปี

ในโลกของธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การดำรงอยู่ของธุรกิจครอบครัวที่สามารถสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจยิ่ง…
pin
18 | 24/12/2024
ปูทางสู่ความยั่งยืน เจาะลึกระบบหลังบ้านธุรกิจครอบครัว ให้เติบโตแบบบริษัทมหาชน

ปูทางสู่ความยั่งยืน เจาะลึกระบบหลังบ้านธุรกิจครอบครัว ให้เติบโตแบบบริษัทมหาชน

11ธุรกิจครอบครัว (Family Business) มักเผชิญความท้าทายที่ซับซ้อนในการจัดการระบบหลังบ้าน โดยเริ่มจากวัฒนธรรมองค์กรแบบดั้งเดิมที่ยังยึดติดกับวิธีการทำงานแบบเก่า…
pin
20 | 19/12/2024
5 คำถามสำคัญ ก่อนการ  Transition ธุรกิจครอบครัว

5 คำถามสำคัญ ก่อนการ Transition ธุรกิจครอบครัว

แม้ผู้นำธุรกิจครอบครัว (Family Business) จะต้องการส่งต่อธุรกิจของตนเองจากรุ่นสู่รุ่นให้ยาวนานและยั่งยืน ทว่า ในความเป็นจริงแล้ว ต้องยอมรับว่า…
pin
26 | 14/12/2024
ธุรกิจครอบครัวที่ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่นของตระกูล "Mars" และพลังแห่งการสืบทอดยาวนานกว่า 113 ปี