‘เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม’ ผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร ‘จ้าวช้างไวไฟ’ ปั้นแบรนด์ไทย สู่ Global Brand
เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม ผู้นำในด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องจักรกลทางการเกษตรในประเทศไทยมายาวนานกว่า 47 ปี โดยผลิตและจำหน่ายเครื่องเกี่ยวนวดข้าว, เครื่องเกี่ยวนวดข้าวโพด, เครื่องนวดข้าว, รถพรวนดิน และรถบรรทุกเพื่อการเกษตร ภายใต้แบรนด์ ‘จ้าวช้างไวไฟ’ กับแนวคิดในการสานต่อธุรกิจของทายาทรุ่นที่ 2 คุณจีรธิดา นฤมิตเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ที่มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการ ยกระดับนวัตกรรมเครื่องจักรกลทางการเกษตรด้วยฝีมือคนไทย พร้อมขับเคลื่อนวงการเกษตรไทย ก้าวล้ำสู่ Global Brand ระดับโลก
ปัจจุบัน มีบริษัทในเครือรวมกว่า 8 แห่งทั่วประเทศ และมีศูนย์บริการจำหน่ายสินค้าและอะไหล่ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับความสะดวกสบายและความพึงพอใจสูงสุด รวมถึงการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้, ศรีลังกา, บังคลาเทศ, กัมพูชา, เมียนมา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไนจีเรีย

มองเห็นโอกาส ความต้องการเครื่องจักรกลทางการเกษตรเพิ่มขึ้น
คุณจีรธิดา เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการสานต่อธุรกิจของครอบครัว โดยบริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ถือเป็นบริษัทแรกๆ ของประเทศไทย ที่ผลิตเครื่องนวดเกี่ยวข้าว ซึ่งแต่เดิมอาศัยการศึกษาเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาผลิตคิดค้นให้เหมาะกับการทำเกษตรในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งปรากฏว่าได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศทั่วโลก
อีกทั้งยังมองเห็นปัญหาเกษตรกร ที่สมัยก่อนต้องพึ่งพาสัตว์ในการทำงาน เช่น ใช้ควายไถนา รวมถึงเกษตรกรต้องประสบปัญหาเรื่องของแรงงานคนที่ไม่เพียงพอ โดยเมื่อก่อนการเก็บเกี่ยวข้าว 1 ไร่ ต้องใช้แรงงานประมาณ 6 คน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่เมื่อมีเครื่องจักรกลทางการเกษตรเข้าช่วยรถ 1 คัน สามารถทำงานได้สูงสุด 50-100 ไร่ต่อวัน หากเทียบเป็นกำลังคนในปัจจุบันต้องใช้หลายร้อยคนต่อวัน ในการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากแรงงานในภาคเกษตรหายากและมีค่าแรงสูง จะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงจนไม่สามารถทำงานด้านการเก็บเกี่ยวได้

จีรธิดา นฤมิตเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด
ซึ่งนอกจากเครื่องจักรกลทางการเกษตรเหล่านี้ ทำงานได้รวดเร็ว ทันต่อช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมซึ่งมีอยู่จำกัด ทันฟ้าทันฝน และยังทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพและปริมาณที่มาก เพราะหากเก็บเกี่ยวไม่ทันเวลา ข้าวจะกรอบจนแตกหักเสียหาย ไม่ได้ราคา นอกจากนี้ยังถือว่าเข้ามาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจ้างแรงงานคน ต้นทุนเรื่องการผลิตก็ลดลงด้วย การคุ้มทุนก็เร็วขึ้น
จึงมองเห็นช่องว่างที่ต้องการเติมเต็มให้เกษตรกรไทยในเรื่องของเครื่องจักรกล โดยส่งมอบนวัตกรรมที่ดีที่สุดของเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์ คุ้มค่าการลงทุน สินค้าใช้งานง่ายและมีคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากลแก่ลูกค้าทุกท่าน
พร้อมทั้งยังมองเห็นโอกาส ในเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรที่จะมีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสอดรับกับกระแสเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วและการขาดแคลนของแรงงานภาคเกษตรกรรม ดังนั้นจึงทำให้บริษัท มองเห็นโอกาส พร้อมพัฒนาสินค้าและบริการอย่างไม่หยุดยั้ง
“ปัจจุบันรถเกี่ยวข้าว รถนวดข้าวที่ลูกค้าซื้อไปใช้บริการที่มีอยู่ในตลาด ก็มีอยู่หลายพันคัน”

เข้าใจผู้ใช้ พัฒนาแบรนด์ไทย สู่ Global Brand แข่งขันระดับโลก
เข้าใจผู้ใช้ คือหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ เดิมทีเกษตรกรไทยนำเข้ารถเกี่ยวข้าวจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศเมืองหนาว แถบยุโรป และอเมริกา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศ ,สภาพอากาศ และการเกษตรกรรมที่แตกต่างจากประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศพิเศษ มีพื้นที่ร้อนชื้นรวมถึงชนิดของพืชที่แตกต่างกัน ทำให้เครื่องจักรต่างประเทศไม่เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทย เราจึงเล็งเห็นปัญหา พร้อมเข้าใจความต้องการ ด้วยการพัฒนาเครื่องจักรให้เหมาะสมกับการใช้งานได้จริงในประทศไทย
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์เครื่องจักรกลทางการเกษตรฝีมือคนไทย พัฒนาสู่ Global Brand ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้แนวทางในการสร้างแบรนด์ต่างๆ ซึ่งจุดเด่นของเกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม นอกจากการเก็บเกี่ยวได้ผลผลิตที่ดี รวดเร็ว สะดวกต่อการใช้งานแล้ว คือการพัฒนาฟังก์ชันในการใช้งานของเครื่องจักรกลการเกษตรที่หลากหลาย
โดยสามารถเก็บเกี่ยวพืชได้มากกว่า 1 ชนิด เนื่องจากเล็งเห็นว่าคนไทยทำนากันปีละ 2 - 3 ครั้ง ซึ่งในช่วงที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวข้าว ยังสามารถเก็บเกี่ยวพืชชนิดอื่นได้ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานรถเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ขาดรายได้ สร้างความคุ้มค่าให้ทุกการลงทุน
“จุดเด่นคือ สามารถเก็บเกี่ยวพืชได้หลายอย่าง สำหรับเมืองไทย หลักๆ ก็จะมีข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ปอเทือง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดพันธุ์ผักบุ้ง รวมถึงพืชที่เป็นเมล็ดอื่นๆและอีกอย่างเดิมทีเราจะเก็บเกี่ยวออกมาเป็นเมล็ด ตอนนี้เราก็มีฟังก์ชันเพิ่มเข้ามา สำหรับข้าวโพด สามารถเก็บเป็นฝักได้ รอให้ราคาขึ้นแล้วค่อยนำไปขายได้ หรือแม้แต่เก็บเกี่ยวข้าวโพดพันธุ์ ข้าวโพดหวานก็สามารถทำได้อีกด้วย”
ทั้งนี้ การพัฒนาสินค้าสู่ Global Brand ทำให้มีตลาดกว้างขึ้น และโอกาสทำเงินได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้แบรนด์ของคนไทย สามารถพัฒนาไปสู่การแข่งขันของตลาดโลกได้ง่ายขึ้น
“เราไม่ได้มองใครเป็นคู่แข่ง แต่เราแข่งกับตัวเอง ให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ที่สำคัญทำให้ลูกค้าเลือกใช้งานสินค้าเราเป็นตัวเลือกแรก และใช้งานตลอดไป”
พัฒนาศักยภาพเครื่องจักรเกษตร ด้วยฝีมือคนไทย
หากพูดถึงการเกษตรเมืองไทย ในภาพจำของหลายๆ คนอาจจะดูยังไม่ได้พัฒนาเท่าเทียมหลายประเทศทั่วโลก แต่หนึ่งในบริษัทที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเกษตรยาวนานกว่า 47 ปี อย่างบริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ถือว่าได้มีการพัฒนาศักยภาพเครื่องจักรเกษตรด้วยฝีมือคนไทย ที่ได้นำเรื่องการใช้โรบอทเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร พร้อมพัฒนาปรับปรุง ซึ่งเทียบเท่ากับอุตสาหกรรมยานยนต์
“ในเรื่องกระบวนการผลิต เราก็มีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และมีบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ในด้าน เทคโนโลยี รวมถึงบริษัทเองมีการลงทุนในเครื่องจักรและนวัตกรรมต่างๆ ในการนำมาปรับปรุงการดำเนินการภายในบริษัท”
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าในตัวสินค้า บริษัทสามารถนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาบูรณาการใช้ได้หมด แต่เนื่องด้วยเงื่อนไขสภาพพื้นที่ของประเทศไทยไม่เหมือนกันกับประเทศอื่น ดังนั้น จึงถือเป็นโจทย์ท้าทายในการพัฒนาด้านนวัตกรรมด้วย

มากกว่าการผลิต คือให้คำปรึกษา ขับเคลื่อนวงการเกษตรไทยให้ก้าวหน้า
มากกว่าการผลิตและจัดจำหน่าย แต่ยังให้คำปรึกษาแนะนำก่อนการขาย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ซึ่งเมื่อซื้อสินค้าจากเกษตรพัฒนาไปแล้ว ก่อนเริ่มต้นการใช้จะมีผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสอนในเรื่องฟังก์ชันการใช้งานจนกว่าลูกค้าจะสามารถใช้เครื่องจักรกลได้อย่างเชี่ยวชาญและมีความมั่นใจ ซึ่งในขั้นตอนนี้บริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีบริการหลังการขาย หากลูกค้ามีปัญหาก็พร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
“แนวคิดในการทำธุรกิจของเราคือ ไม่ได้ขายแค่เครื่องจักรกลทางการเกษตร แต่เราขายความสำเร็จให้เกษตรกร เพราะอยากให้พวกเขากลับมาเป็นลูกค้าเราอีก ซึ่งลูกค้า เป็นมากกว่าแค่ลูกค้า เพราะเรามองว่าเค้าเป็นครอบครัวของเราที่จะอยู่กันต่อไปยาวนานจึงต้องแชร์ความสำเร็จร่วมกันมากกว่า”

ขยายความสำเร็จ ส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลก
เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม ขยายความสำเร็จ ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้, ศรีลังกา, บังคลาเทศ, กัมพูชา, เมียนมา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไนจีเรีย และมีบริษัทในเครือรวมกว่า 8 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งมีศูนย์บริการจำหน่ายสินค้าและอะไหล่ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการ
หลังมีการขยายความสำเร็จไปยังต่างประเทศแล้วนั้น ก็มีลูกค้าติดต่อเข้ามาจากหลากหลายประเทศมากขึ้น แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ต้องหยุดชะงักลง แต่คาดหวังว่าหลังจากสถานการณ์โควิด 19 ลดลง จะสามารถเปิดตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น เนื่องจากความต้องซื้อที่มีอยู่แล้ว
ในแง่ของการตลาด คุณจีรธิดา ยังบอกว่า เครื่องจักรกลทางการเกษตร เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยซึ่งพึ่งพาอาหารและภาคเกษตร ให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ มีความมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นต้องมองให้ออกว่าเทคโนโลยีอันไหนจะสามารถนำมาปรับใช้ได้ในอนาคต

เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ดังนั้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ‘บริษัทเกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด’ นอกจากจะสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจแล้ว ยังสร้างความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรกรไทยเท่าเทียมกับนานาประเทศ ด้วยการพัฒนาเครื่องจักรกลที่ดีที่สุดใช้ในภาคการเกษตร ซึ่งถือเป็นการช่วยคนไทยยืนหยัดต่อไปได้ และการขยายความสำเร็จส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ นอกจากต่างชาติจะมีเครื่องจักรที่ดีในราคาจับต้องได้ใช้กันแล้ว ยังสามารถหมุนเวียนเม็ดเงินเข้ามาในประเทศได้อีกด้วย
รู้จัก ‘บริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด’ ได้เพิ่มเติมที่ :


