‘คอนกรีตไลน์’ ผู้ผลิตและจำหน่ายเสาเข็ม และงานคอนกรีตเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง วางรากฐานทางธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคง ผ่านกลยุทธ์ Cost Management
‘คอนกรีตไลน์’ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์คอนกรีตเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง พร้อมบริการให้คำปรึกษาโดยทีมวิศวกรผู้ชำนาญ เติบโตในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนานเกือบ 30 ปี
คุณชานน จินดานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนกรีตไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า ตนเป็นทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 ของธุรกิจครอบครัว (Family Business) ซึ่งมีคุณพ่อเป็นก่อตั้งเมื่อปี 2538 ภายหลังจากที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสายงานวิศวกรมาอย่างยาวนาน ซึ่งสามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจผ่านพ้นมาแล้วหลายครั้งทั้ง ‘ต้มยำกุ้ง-แฮมเบอร์เกอร์-โควิด19’ จวบจนปัจจุบันบริษัทเติบโตสู่ปีที่ 27 อย่างมั่นคง

โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์คอนกรีตเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง พร้อมบริการให้คำปรึกษาโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ โดยมีโรงงานผลิตเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตรูปตัวไอ เสาเข็มคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยม โดยได้รับมาตรฐาน มอก.396-2549 สำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ บนพื้นที่กว่า 112 ไร่ ในอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม

ชูจุดเด่นเป็นทั้งผู้ผลิตให้ผู้ให้บริการ
ด้วยบริษัทตระหนักถึงความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับ พร้อมคำนึงถึงมาตรฐานในการผลิตเสาเข็ม โดยเลือกใช้วัตถุดิบและวัสดุสำหรับคอนกรีตที่ได้มาตรฐานสูงจากบริษัทชั้นนำ เช่น ใช้ปูนซิเมนต์จาก SCG, PC WIRE จากสยามลวดเหล็ก และน้ำยาผสมคอนกรีต KAO เป็นต้น เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และช่วยเสริมความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี ช่วยให้บริษัทสามารถพรีเซนต์งานหรือเจรจาทางธุรกิจกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย และทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในคุณภาพของงานมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีกำลังการผลิตและมีสต๊อกที่เพียงพอ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในออเดอร์หรือคำสั่งซื้อเร่งด่วน ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างงานได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องรอนาน ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้ผลิตเจ้าอื่นที่ต้องผลิตงานตามออเดอร์นาน 7-10 วัน อาจทำให้งานของลูกค้าล่าช้าออกไป ในขณะที่บริษัทสามารถจัดส่งให้ได้ภายในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ลูกค้าสั่งซื้อ
พร้อมกันนี้ ยังมีเครื่องจักรที่ใช้ในงานเสาเข็มและฐานรากมากเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีความรู้ความเข้าใจในงานเสาเข็มคอยกำกับดูแลงานอย่างใกล้ชิด มีการวางแผนเพื่อควบคุมทิศทางการเคลื่อนตัวของดินไม่ให้ดันเสาเข็มที่ลงไปเคลื่อนตัวจนเยื้องศูนย์ หรือเคลื่อนตัวจนเกิดผลกระทบกับสิ่งปลูกสร้างของพื้นที่ข้างเคียง จึงทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นด้วยดีเสมอมา เพราะสามารถตอบสนองให้กับลูกค้าได้อย่างครบครันในที่เดียว

Cost Management เป็นสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจ
คุณชานน เล่าต่อว่า เนื่องจากบริษัทมีโรงงานผลิตเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ที่เพรียบพร้อมด้วยเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัย บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ จึงสามารถผลิตเสาเข็มและจัดเก็บเป็นสต๊อกไว้ได้อย่างสะดวก ทั้งเสาเข็มคอนกรีตรูปตัวไอ และเสาเข็มคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยม รวมทั้งงานคอนกรีตอื่น ๆ โดยได้วางระบบการทำงานให้พนักงานมีงานผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการจัดการกับความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต จึงทำให้ต้นทุนด้านแรงงานและค่าใช้จ่ายต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจคงที่ หนุนต่อการบริหารต้นทุนโดยรวมภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและแข่งขันในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ยังต้องมีการวางแผนเรื่องการประเมินราคางานอย่างรอบด้านเพื่อให้ งานสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมคุ้มค่าทั้งต่อผู้ว่าจ้างหรือลูกค้า และให้บริษัทสามารถแข่งขันพร้อมกับรักษาเสถียรภาพในการทำกำไรเอาไว้ให้ได้พร้อมกับตั้งราคาในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ยังมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการรับงานแต่ละโครงการอย่างรอบคอบ

รับมือได้แม้ในช่วงวิกฤตหรือเศรษฐกิจผันผวน
แม้ขณะนี้จะมีปัจจัยหลายด้านจากทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศจากวิกฤตโควิด19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนภาคการอุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในด้านราคาวัสดุ อาทิ ราคาเหล็ก จนลูกค้ากลุ่มที่เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการลงทุนก่อสร้างในงานบางประเภท เช่น ลดการลงทุนก่อสร้างคอนโดมิเนียม และหันไปลงทุนโครงการแนวราบ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีการมองหาตลาดสินค้าใหม่ตลอดเวลา เพื่อกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของดีมานด์ ทั้งยังมีหลักการบริหารความเสี่ยงและวางแผนการจัดซื้อวัสดุได้ราคาที่เหมาะสม พร้อมกับคำนึงถึงการควบคุมลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ตลอดจนเฝ้าระวังสถานการณ์และปรับกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างรัดกุม ทั้งยังมีจุดแข็งด้านความพร้อมของกำลังการผลิต และความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้ให้บริการด้านงานเสาเข็มแบบครบวงจร จึงทำให้บริษัทยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเลือกใช้บริการและมอบหมายให้ทำงานในโครงการขนาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง

ชานน จินดานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนกรีตไลน์ จำกัด
Project Management ต้องเป็นไปตามแผน
เรื่องนี้ คุณชานน เล่าว่า ด้วยบริษัทมีการรักษาลูกค้าเก่าไว้ ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ จึงทำให้บริษัทมีงานและมีแบ็คล็อกในปริมาณมากตลอดทั้งปี โดยมีงานที่เป็นทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จากบริษัทชั้นนำ โครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้า และโครงการก่อสร้างอาคารคลังสินค้า โดยในทุกๆ ขณะจะมีงานไม่ต่ำกว่า 80 ไซต์งาน ซึ่งบริษัทจะมีการวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การหมุนเวียนเครื่องจักรหรือปั้นจั่นที่ใช้ในงานลงเสาเข็มให้เพียงพอ และมี Project Manager คอยควบคุมงานเพื่อให้ทันต่อการกำหนดการส่งมอบงานของแต่ละโครงการอย่างราบรื่น เป็นต้น
ชูผลงานเด่นเป็นที่ภาคภูมิใจในวงการ
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับโอกาสเป็นผู้รับเหมาหลักในโครงการที่เป็นผลงานแห่งความภาคภูมิใจขนาดใหญ่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นอาคารคลังสินค้าของาอาลีบาบา ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซระดับโลก บนพื้นที่กว่า 2.8 แสนตารางเมตร บนถนนบางนา-ตราด รวมทั้งโครงการอาคารคลังสินค้าของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ที่เป็นธุรกิจชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ที่ซึ่งใช้เสาเข็มจำนวนมากกว่า 1 หมื่นต้น รวมถึงโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาบริษัทได้ดำเนินการส่งมอบงานก่อนระยะเวลาสิ้นสุดตามสัญญาอีกด้วย

พร้อมปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยีใหม่
คุณชานน กล่าวปิดท้ายว่า ในงานระบบฐานรากเสาเข็มก่อนหน้านี้มีเพียงเสาเข็มเจาะ และเสาเข็มตอก โดยเสาเข็มแบบเจาะ จะต้องเทคอนกรีตในหน้าหน่วยงานให้ได้ตามมาตรฐานทางวิศวกรรม ปัจจุบันมีอยู่ 2 ระบบ คือแบบแห้ง กับ แบบเปียก ซึ่งอย่างหลังนั้นมักจะนิยมใช้กับอาคารขนาดใหญ่ โดยใช้เครื่องจักรเจาะดินลงไปให้ลึกตามแบบ จากนั้นทำการหย่อนแม่แบบเหล็กลงไปพร้อมกับวางโครงสร้างเหล็กของเข็ม แล้วจึงเทคอนกรีตตามลงไป จากนั้นรอให้คอนกรีตเซ็ทตัว ซึ่งข้อดีของเข็มเจาะคือ สามารถทำงานในพื้นที่ที่จำกัดได้ เกิดมลภาวะและแรงสั่นสะเทือนน้อย แต่มีราคาสูง
ส่วนเสาเข็มแบบตอก จะมีลักษณะ เป็นเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงสำเร็จรูปจากโรงงานใช้กำลังจากเครื่องจักรที่เรียกว่าปั้นจั่นตอกเสาเข็มลงไปในดิน เพื่อให้ได้ระดับความลึกตามผลสำรวจของวิศวกร เป็นที่นิยมกันมากเพราะมีความซับซ้อนของงานน้อย และค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ห่างไกลจากเขตชุมชนหรือเขตใจกลางเมือง
ดังนั้น บริษัทจึงได้นำเข้าโซลูชั่นใหม่ล่าสุดมาใช้ในการทำงานเสาเข็มจากต่างประเทศ คือ เทคโนโลยีการกดเสาเข็มด้วยระบบไฮดรอลิก หนึ่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งสามารถทำงานในพื้นที่จำกัด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่าง ๆ เช่น เสียงดังจนสร้างความรำคาญ, แรงสั่นสะเทือนที่อาจทำให้สิ่งปลูกสร้างข้างเคียงเกิดความเสียหาย เป็นต้น ทั้งนี้ หากในอนาคตมีโซลูชั่นอื่นที่ใช้ในการทำงานบริษัทยังพร้อมที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างไม่หยุดยั้ง
เรื่องนี้ ชี้ให้เห็นว่า ถ้ามีความมุ่งมั่นพร้อมกันกับนำความเชี่ยวชาญในสายงานที่มีประสบการณ์และองค์ความรู้มาสู่การก่อตั้งธุรกิจ หนทางที่จะเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่งย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เช่นเดียวกับ ‘คอนกรีตไลน์’ ที่คุณพ่อของ ‘คุณชานน จินดานุวัฒน์’ วางรางฐานทางธุรกิจไว้อย่างเหนียวแน่น จนยืนหยัดมายาวนานเกือบ 3 ศตวรรษ
รู้จักเพิ่มเติม ‘คอนกรีตไลน์’ ได้ที่
https://concreteline.co.th/index.php/th/