ถอดมุมคิด ‘พรชัยเกษตร 1 ชีวภาพ พี.ซี.’ ทางเลือกเกษตรกรไทยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต สู่ความยั่งยืนในยุคปุ๋ยแพง
30 ปีกับความมุ่งมั่นพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์100% ตามแนวทาง ESG ของ บริษัท พรชัยเกษตร 1 ชีวภาพ พี.ซี. จำกัด ผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ 100% ที่ต้องการผลิตปุ๋ยคุณภาพดี ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรไทย และส่งมอบสินค้าที่ดีที่สุด ให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
เริ่มธุรกิจผลิตปุ๋ยจากศูนย์
คุณภูริตา อัคฆกาญจนสุภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรชัยเกษตร 1 ชีวภาพ พี.ซี. จำกัด ผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ตรา พี.ซี. โปรดักส์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจให้ฟังว่า ครอบครัวเราเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายอยู่ในตลาด โดยคุณปู่ พรชัย และคุณพ่อศรุตเป็นคนที่รักและสนใจในเรื่องการเกษตรมาก และคุณพ่อศรุตได้มีโอกาสชช่วงหนึ่งในวัยเด็กเริ่มต้นทำสวนทุเรียนกับคุณปู่ ประสบการณ์ทั้งสำเร็จและล้มเหลวในวัยเยาว์ที่คุณพ่อศรุตได้รับถ่ายทอดจากคุณปู่พรชัย เป็นแรงบันดาลใจส่งคุณพ่อศรุตต่อยอดไปศึกษาเรื่องการทำปุ๋ยอินทรีย์ จนเริ่มทำเป็นธุรกิจผลิตปุ๋ยมาตั้งแต่ปี 2535 จนเมื่อปี 2547 จึงเริ่มจดทะเบียนเป็นรูปแบบบริษัทเพื่อเตรียมก่อตั้งโรงงานปุ๋ย ที่จังหวัดระยอง

ขณะนั้นเราไม่มีเงินทุนมากนัก คุณพ่อจึงไปขอสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเขามองเห็นศักยภาพในการทำธุรกิจของเรา จึงให้เงินทุนในการเริ่มต้นธุรกิจ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งเรามีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ 100 % ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยผง ปุ๋ยเม็ด สารปรับปรุงดิน รวมไปถึงชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดโรคและศัตรูพืช โดยเป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด
คุณภูริตา เล่าต่อว่า ตนเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ก็ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการหมักปุ๋ยอินทรีย์มา จึงเข้ามาต่อยอดธุรกิจครอบครัว โดยมีคุณพ่อคอยดูหลังบ้านให้ในเรื่องสูตรและการหมัก เพราะพื้นฐานเราไม่มีความรู้เรื่องการเกษตรมาก่อนเลย ความถนัดของเราอยู่กับเรื่องการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก แต่พอได้ลงมาคลุกคลีกับเกษตรกรจึงเกิดความคุ้นเคยและรักในอาชีพการเกษตรที่เรามาสานต่อธุรกิจของครอบครัวจากคุณพ่อ

ขอหาประสบการณ์ก่อนจะสานต่อธุรกิจครอบครัว
คุณภูริตา ย้อนความหลังให้ฟังว่า ตนเรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาลัยธรรมศาสตร์มาอยากหาประสบการณ์จากที่ได้ร่ำเรียนมา จึงไปขอคุณพ่อว่าขอไปหาประสบการณ์สัก 3 ปีก่อนจะมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว จึงไปทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายส่งออกต่างประเทศ บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็เป็นธุรกิจครอบครัวเหมือนกัน เราจึงศึกษาโมเดลธุรกิจครอบครัวจากบริษัทแห่งนี้ถึง 7 ปี แต่ระหว่างนั้นก็ช่วยงานที่บ้านควบคู่ไปด้วย เพราะอยากนำความรู้ที่ได้มาสานต่อธุรกิจของคุณพ่อ โดยตั้งเป้าว่าต้องทำส่งออกด้วย
Passion แรงกล้า ทุ่มเทใจผลิตปุ๋ยอินทรีย์ 100 % เท่านั้น
ต้องบอกว่าเกษตรกรไทยคุ้นเคยกับปุ๋ยเคมีมาตลอดถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ การจะเปลี่ยน Mindset ให้เกษตรกรมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ คุณภูริตา บอกว่า คุณพ่อเธอมองเห็นโอกาส โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเราโชคดีที่ได้นักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรรอบตัวของท่านมาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคุณพ่อแล้วนำมาถ่ายทอดให้กับเราเรารุ่น 2 มีการพัฒนาระบบควบคลุมคุณภาพ รักษาองค์ความทรู้นี้ควบคู่กับการควบคุมคุณภาพ ให้ได้เกณฑ์มาตรฐานที่เป็นประโชยน์สูงสุดกับเกษตรกรผู้ใช้สินค้า เราจึงมุ่งมั่นและพัฒนาสูตรปุ๋ยอินทรีย์มาตลอด
คุณภูริตา บอกอีกว่า มีคนทักท้วงมาตลอดว่าธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์อาจไปไม่รอด เพราะเกษตรกรนิยมปุ๋ยเคมีมากกว่า ซึ่งในช่วงเริ่มต้น 5 ปีแรกก็เกือบไปไม่รอดจริงๆ เพราะกว่าจะขายปุ๋ยได้แต่ละครั้งยากลำบากมาก เนื่องจากลูกค้าไม่เข้าใจเพราะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ 100% ที่ไม่คุ้นเคยประกอบกับลูกค้ายังไม่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์เพราะยังไม่รู้จักแบรนด์เรา จนเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ปุ๋ยเราเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ไร้สารเคมีทุกชนิด ไม่เป็นอันตรายสามารถฉีดได้โดยไม่ต้องสวมใส่หน้ากากป้องกันเลย เป็นคำบอกเล่าของเกษตรกรที่ทำให้เราภูมิใจมากและมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเรา
“สิ่งนี้ถือเป็นจุดแข็งของเรา ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่จะใช้ปุ๋ยเราคือ อย่าคาดหวังเรื่องความรวดเร็ว แต่ให้คาดหวังเรื่องความยั่งยืน”
อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว :

จุดเด่นของ ปุ๋ยอินทรีย์ ‘พีซี โปรดักส์’
คุณภูริตา อธิบายว่า เราต้องมีความเข้าใจคุณสมบัติของวัตถุดิบแต่ละตัวก่อน เราจึงวิเคราะห์และวิจัยจนรู้ว่าวัตถุดิบแต่ละตัวมีแร่ธาตุอาหารอะไร และทำหน้าที่อย่างไรบ้าง ในกรณีที่เราต้องการคุณสมบัติพิเศษ เราก็ต้องไปจัดหาวัตถุดิบนั้นๆ มาให้ได้ โดยหลักการที่เราเรียนรู้เรื่องปุ๋ยอินทรีย์ วัตถุดิบแต่ละชนิดมีความหลากหลายค่อนข้างมาก โดยอินทรีย์สารมักมาจากซากพืช ซากสัตว์ เราพบอินทรีย์สารโปรตีนมาจากซากสัตว์ จะมีคุณค่าสูงกว่าอินทรีย์ที่มาจากกลุ่มพืช แต่อินทรีย์พืชก็จะทำหน้าที่พัฒนาโครงสร้างดิน
“ส่วนเรื่องการปรุงสูตรด้วยวัตถุดิบหลายๆ แหล่ง จะเอาข้อดีของวัตถุดิบแต่ละชนิดมาเสริมกันเป็นอาหารจุลินทรีย์ จึงเป็นที่มาของการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีเพื่อการพัฒนาสูตรปุ๋ยคุณภาพ” คุณภูริตา เผยถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์บริษัท

ติด Top 10 ปุ๋ยน้ำอินทรีย์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย
คุณภูริตา บอกว่า เราศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการทำวิจัยและพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ของเรามาตลอด โดยเจาะลึกรายละเอียดความจำเป็นของพืช ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องของดิน รวมถึงเรื่องการจัดหาวัตถุดิบที่นำมาผลิตปุ๋ย เพื่อให้เกิดคุณภาพสูงสุด
สิ่งที่สำคัญคือ ค่าฮิวมัส (Humus)หรือ ค่า OM (Organic Matter) ที่จำเป็นต่อดินที่ใช้ปลูกพืช ทุกวันนี้ดินเสื่อมโทรมมาก เพราะเราใช้สารเคมีเยอะความเป็นอินทรียวัตถุจึงหายไป ดังนั้นบริษัทเราจึงพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ พี.ซี. โปรดักส์ ให้มีสารอาหารที่มีค่าฮิวมัสสูงเพื่อกลับไปเติมเต็มให้กับดิน ซึ่งโดยธรรมชาติจะต้องการอินทรียวัตถุ คือ ฮิวมัสสูง ซึ่งในปุ๋ยอินทรีย์ไม่ได้มีแค่ธาตุอาหารหลัก อย่าง ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), โพแทสเซียม (K) เท่านั้น แต่เป็นธาตุอเนกประสงค์ที่จำเป็นต่อดินและพืชที่มีประโยชน์หลากหลายมาก
“ห้องแล็บของกรมวิชาการเกษตร บอกว่า ปุ๋ยเรามีค่าฮิวมัสซึ่งเป็นสารอาหารที่ดินต้องการสูงมากที่สุด จนติด 1 ใน 10 ปุ๋ยน้ำอินทรีย์ที่ดีที่สุดของประเทศไทย โดยสินค้าเราที่ผลิตไม่เคยด้อยค่าต่ำกว่ามาตรฐานเลย สิ่งนี้ถือเป็นจุดแข็งและเป็นโนว์ฮาวที่เรายืดมั่นในการทำงานมาตลอด”
เรียนรู้จากเกษตรกรแล้วนำมาพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด
คุณภูริตา เผยว่า เกษตรกรยุคใหม่มีความรู้และความเข้าใจเรื่องการเกษตรมากขึ้น ด้วยความที่เราไม่มีพื้นฐานเรื่องการทำเกษตรมาก่อน เราจึงเรียนรู้จากลูกค้าที่เป็นเกษตรกรจากการถ่ายทอดข้อมูลที่เราผลิตเขาก็จะฟังเราแล้วเอาประสบการณ์จากการทำเกษตรของเขามาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ของเรา โดยการใช้ผสมผสานกันได้
ซึ่งการนำปุ๋ยเคมีมาผสมผสานกับปุ๋ยอินทรีย์ของเราอย่างสมดุลจะช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรได้ถึง 30% สิ่งนี้เป็นประสบการณ์และข้อมูลที่เราได้จากเกษตรกร ทำให้เราสามารถพัฒนาปุ๋ยของเราเพื่อตอบโจทย์หรือ แก้ Pain Point ให้เกษตรกรได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ในเรื่องต้นทุนที่สูงจากราคาปุ๋ยเคมีที่นับวันมีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คอนเซ็ป Zero Waste ไม่เหลือของเสียให้เป็นมลพิษ สร้างเศรษฐกิจให้ชุมชน
ในเรื่องการจัดการของเสียในกระบวนการผลิต คุณภูริตา บอกว่า บริษัทเราจะไม่มีของเสียในการผลิตเลย เพราะเรามามารถนำของเสียในการผลิตหมุนเวียนกลับมาใช้ในระบบ หรือที่เรียกว่าระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ได้ทั้งหมด อย่างเช่น กากที่เหลือจากการผลิตปุ๋ยน้ำ ถือเป็นทรัพยากรทรัพยากรที่มีค่ามาก เพราะมีค่า ฮิวมัสที่ดินต้องการสูงมาก ซึ่งกากที่เหลือสามารถจะนำกลับมาใช้เป็นหัวเชื้อทำปุ๋ยผงจึงไม่มีของเสียในกระบวนการผลิต
“เกษตรกรในพื้นที่จะรักบริษัทเรามาก เพราะผลผลิตทางการเกษตรที่เหลือจากการนำไปขายที่ไม่มีใครรับซื้อแล้ว เราจะรับซื้อไว้ทั้งหมดโดยที่เกษตรกรไม่ต้องนำไปทิ้งให้เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยเราพยายามหาวัตถุดิบที่เหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อนำมารีไซเคิล เพื่อเพิ่ม Value Added กลับมาเป็นปุ๋ยสู่ดินเป็นอาหารให้กับพืช สิ่งนี้ถือเป็น Concept ในการผลิตปุ๋ยของคุณพ่อ”
นอกจากนี้ยังสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ โดยสรรหาวัตถุดิบตามฤดูกาลให้กับเรา เพื่อเป็นรายได้ในช่วงที่ว่างจากฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลอีกด้วย

จ่ายคืนเกษตรกร ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ
คุณภูริตา เผยถึงอีกหนึ่งจุดแข็งของ ‘ปุ๋ย พีซี โปรดักส์’ ว่า บริษัทเราเน้นการใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่เป็นออแกนิคในท้องถิ่นทุกอย่างที่มาจากผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตร สิ่งสำคัญคือ เราใช้วัตถุดิบที่เอื้อต่อชุมชนและซึ่งเป็นสิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอด โดยใช้วัตถุดิบอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกบ้านเราทั้งหมด
“ถือเป็นความโชคดีที่วัตถุดิบที่อยู่ในพื้นที่เราเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพอยู่หลายชนิด ทั้งภาคเกษตรและภาคประมงทำให้เราหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพได้ดี ทำให้เราอยู่รอดมาได้ ถ้าเราอยู่ไกลแหล่งวัตถุดิบก็คงจะเป็นเรื่องยากที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างทุกวันนี้ เพราะวัตถุดิบถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการทำปุ๋ยอินทรีย์ เราจึงยึดมั่นในเรื่องการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและต้องได้มาตรฐานไม่น้อยกว่าที่กำหนด ซึ่งเราไม่เคยโกงวัตถุดิบในการทำธุรกิจนี้มาตลอด เพราะเราต้องการทำปุ๋ยที่ดีมีคุณภาพ ปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรเองและสิ่งแวดล้อมด้วย สิ่งนี้ถือเป็นจุดแข็งหนึ่งของผลิตภัณฑ์เรา”

เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด ESG คือ Key Success
คุณภูริตา ขยายมุมมองเรื่องนี้ว่า ‘บริษัท พรชัยเกษตร1ชีวภาพพี.ซี. จำกัด’ มีความมุ่งมั่นมากที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จึงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิด ESG ที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) มาตลอด 30 ปี เราโชคดีเป็นทีมที่ได้รับการคัดเลือกจากธนาคารกรุงเทพ ให้เข้าร่วมอบรมโครงการ แนวคิดการทำเกษตรแบบยั่งยืน จึงเกิดไอเดียด้านความยั่งยืนในการทำการเกษตรเยอะมาก ซึ่งสอดรับกับแนวทางการทำธุรกิจครอบครัวเราพอดี เรื่องหนึ่งที่สำคัญคือเราต้องกำหนดทิศทางธุรกิจให้ชัดเจนแล้วเดินไปด้วยความมุ่งมั่น แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้
“Key Success ในการทำธุรกิจของเราก็คือ ความมุ่งเน้นในเรื่องความยั่งยืนและคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ เพราะคุณพ่อมองว่าเทรนด์เรื่องสิ่งแวดล้อมยังไงก็ต้องมาแน่นอน ซึ่งคุณพ่อมองว่าถ้าเราโตมาจากเกษตรอินทรีย์เราจะไปร่วมกับธุรกิจการเกษตรได้หมดทุกแนว เพราะผลิตภัณฑ์เราไม่เป็นภัยต่อตัวเราเองและไม่ทำร้ายเกษตรกร รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม เพราะเป็นเกษตรอินทรีย์ 100 % พูดได้ว่า ถ้าเอ่ยชื่อปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรในภาคตะวันออกต้องนึกถึงเราเป็นอันดับต้นๆ”

อนาคต ‘ปุ๋ยเกษตรอินทรีย์’ ของบริษัทจะเป็นไปในทิศทางใด
คุณภูริตา สะท้อนมุมมองเรื่องนี้ว่า เรามองว่าธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ 100 % มีความยั่งยืนซึ่งสามารถเข้าไปอยู่ได้ในทุกตลาดของปุ๋ย เพราะเป็นปุ๋ยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายสุขภาพของเกษตรกร รวมถึงช่วยลดต้นทุนให้ชาวเกษตรกรได้ไม่น้อย
“ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตปุ๋ยทุกชนิดรวมกันประมาณ 100 กว่าตันต่อวัน จากการที่เราบริหารธุรกิจด้วยแนวคิด ESG ส่งผลให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เวียดนาม และลาว ซึ่งเราจะพัฒนาคุณภาพปุ๋ยให้ดียิ่งขึ้น เพื่อขยายและเปิดตลาดใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการเกษตรกรที่ต้องการใช้ที่ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมทั่วโลก”
ความมุ่งมั่นพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพโดยไม่ทำร้ายเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมเป็นแรงบันดาลใจให้ บริษัท พรชัยเกษตร1ชีวภาพพี.ซี. จำกัด ยังพัฒนา คิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จนเกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงออกสู่ตลาด ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานการทำเกษตรแบบยั่งยืน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

รู้จัก ‘บริษัท พรชัยเกษตร 1 ชีวภาพ พี.ซี. จำกัด’ เพิ่มเติมได้ที่
https://www.pornchaibiotech1.com/