โอกาสของสินค้าเกษตรไทยยังคงมีความหวังในปี
2564 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกใหม่
ที่กระจายตัวไปทั่วโลก โดยในปี 2564 นี้
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ว่า
แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี 2564 จะขยายตัวอยู่ในช่วง 1.3–2.3%
ซึ่งมีสาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาประมง สาขาบริการทางการเกษตร
และสาขาป่าไม้ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
สภาพอากาศที่เอื้ออํานวยต่อการทําการเกษตรมากขึ้น
ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอสําหรับการเพาะปลูก และไม่ประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา จากการดําเนินนโยบายด้านการเกษตรที่ต่อเนื่อง ทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนา Smart Farmer และ Young Smart Farmer การจัดทําฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อการตัดสินใจ การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในปี
2564 ภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มขยายตัว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยสนับสนุนให้มีการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้น
ส่งผลให้ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มขึ้น
โดยปัจจัยบวกที่สำคัญที่ทำให้สินค้าเกษตรไทยมีอนาคตสดใส ก็คือทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี
2564 ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ รวมถึงโอกาสด้านความร่วมมือและการเจรจาข้อตกลงทางการค้าของไทยกับประเทศคู่ค้า
ที่จะเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย
อย่างไรก็ตาม
ยังมีปัจจัยเสี่ยงและสถานการณ์สําคัญที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติอาจทําให้พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย
ส่งผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร
และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์นั้น
มีการคาดการณ์ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ได้แก่ มันสําปะหลังและผลิตภัณฑ์ น้ำมันปาล์ม
สับปะรดและผลิตภัณฑ์ ทุเรียนและผลิตภัณฑ์ มังคุด เนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ เนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์
เนื่องจากสินค้ามีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ
ประเทศคู่ค้าหลักยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆ
ฟื้นตัว ส่วนการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มขยายตัวทั้งในตลาดญี่ปุ่น
สหภาพยุโรป และจีน รวมถึงเกาหลีใต้ที่คาดว่าจะขยายตัวได้มากขึ้น
ด้านเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์คาดว่าจะขยายตัวได้ดี
เนื่องจากยังคงมีความต้องการจากตลาดต่างประเทศ
ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน
ที่ยังต้องใช้ เวลาในการฟื้นฟูสถานการณ์ให้ดีขึ้น รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อกําลังการผลิตในต่างประเทศ
ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่พบการระบาดของโรคดังกล่าว จึงคาดว่าจะมีความต้องการนําเข้าสุกรจากไทยเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้
สินค้าในกลุ่มไก่เนื้อ สุกร ทุเรียน มังคุด ลำไย เงาะ
ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอนาคตสดใส ตลาดต้องการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 และอีกกลุ่มสินค้าที่น่าจับตาเพราะมีสัญญาณบวกที่ดีมาตั้งแต่ต้นปี 2563
ก็คือกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด เนื้อไก่สดและแปรรูป
กุ้งปรุงแต่ง ปลาทูน่าและปลาทูน่าปรุงแต่ง ปลาสคิปแจ็ค
ที่มีการขยายตัวต่อเนื่องจากอานิสงค์การทำ FTA ของภาครัฐ โดยประเทศที่ไทยส่งออก
5 อันดับ อาเซียนมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ (ไม่มี FTA) และฮ่องกง
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปไปยังตลาดที่ไทยมี
FTA ด้วย
พบว่า นิวซีแลนด์ ขยายตัวสูงสุด เพิ่ม 23.64% รองลงมาคือ
ฮ่องกง เพิ่ม 19.98%, จีน เพิ่ม 15.98%, ออสเตรเลีย เพิ่ม 8.28%, ส่วนอาเซียน 9 ประเทศ
ลด 1.59% แต่กัมพูชา เพิ่ม 33.67% ส่วนสินค้าที่การส่งออกขยายตัวมากที่สุด ได้แก่
เนื้อสุกรสด เพิ่ม 693% รองลงมาคือ ทุเรียนสด เพิ่ม 66.5%, สินค้าปลาสด เพิ่ม 29%, ไก่สด เพิ่ม 27.85%, มังคุด
และอาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้นเท่ากัน 16%, ผลิตภัณฑ์ข้าว
เพิ่ม 10%, มะม่วงสด เพิ่ม 4% ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการขอใช้สิทธิประโยชน์จาก
FTA โดยพบว่าสินค้ากลุ่มเกษตรและเกษตรแปรรูปที่มีการขอใช้สิทธิประโยชน์มากเป็นอันดับต้น.
แหล่งอ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/