ทำไม? AI และ ML จึงเป็นทางเลือกที่หนึ่งด้านโลจิสติกส์
AI และ Machine
Learning สามารถช่วยธุรกิจของคุณให้พัฒนาได้อย่างไร?
ในการวางแผนห่วงโซ่อุปทานหรือ (Supply Chain Planning - SCP) เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญที่สุดที่รวมอยู่ในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
(Supply Chain Management หรือ SCM) ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเครื่องมือที่เชื่อถือได้สำหรับการพัฒนาแผนงานที่มีประสิทธิภาพ
หากคุณใช้ AI และ Machine Learning กระบวนการตัดสินใจในซัพพลายเชนอย่างเหมาะสม
และการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้อัลกอริทึมอัจฉริยะ จะสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
และในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการจัดส่งได้อีกด้วย
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าในวงการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน จึงมีการนำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาดูกันว่าทำอะไรได้บ้าง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ติดตามและวิเคราะห์คลังสินค้า
Computer Vision (CV)
หรือการนำเทคโนโยลีสารสนเทศต่างๆ ทั้งภาพและวิดีโอมาประมวลผล โดยนำหลักการทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยในการพัฒนาเครื่องมือ
ซึ่งปัจจุบันมีการนำ AI และ Machine Learning มาใช้งานให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบ CV ที่สามารถอ่านบาร์โค้ดสินค้าอัตโนมัติ
และสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ได้ หรือการตรวจสอบและติดตามสินค้าเพื่อป้องกันการโจรกรรมและการละเมิดกฎความปลอดภัยภายในคลังสินค้า
รวมทั้งเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าโดยระบบ CV ในปัจจุบันยังสามารถระบุได้ว่าใครกำลังเข้าและออกจากพื้นที่คลังสินค้าได้อีกด้วย
ระบบคาดการณ์ตลาดล่วงหน้า
ปัจจุบันในการประเมินสถานการณ์ผลิตสินค้า
หรือการจัดเก็บสินค้า และที่สำคัญมีการนำ AI และ Machine Learning มาทำนายปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งของผู้บริโภคล่วงหน้าได้
ซึ่งจากข้อมูลที่มี ทำให้ผู้ผลิตสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาประมวลผล โดยการใช้เทคโนโลยี
AI เพื่อประเมินความต้องการของตลาดในเบื้องต้น
ซึ่งจะสังเกตว่าหากมีสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาด
ภาคการผลิตจะสามารถผลิตสินค้าดังกล่าวออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว
นั่นเพราะผู้ประกอบการบางรายสามารถประเมินตลาดในเบื้องต้นได้ แต่สำหรับบริบทของเทคโนโลยีจะทำให้ทุกอย่างง่ายและแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า
กระบวนการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เพื่อลดต้นทุนในการจัดส่งและทำให้กระบวนการจัดส่งเร็วขึ้น
ธุรกิจสามารถใช้ AI และ Machine
Learning ให้เกิดประโยชน์ได้มาก กรณีตัวอย่างเช่น
บริษัทด้านอีคอมเมิร์ซที่มีลูกค้าจำนวนมาก มีการซื้อขายเป็นจำนวนมาก
ทำให้ต้องมีระบบในการวางแผนการจัดส่งที่มีคุณภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning
ในการจัดหมวดหมู่การจัดส่งสินค้า และการใช้อัลกอลิทึ่มในการวิเคราะห์การกำหนดเส้นทางการจัดส่งสินค้า
ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีตัวแทนในการรับจัดส่งสินค้าเกิดขึ้น
ทว่าเทคโนโลยีด้านการวางแผนการจัดส่งยังมีความจำเป็นสำหรับธุรกิจที่เป็นแบรนด์
และขยายตลาดในช่องทางออนไลน์
การเลือกซัพพลายเออร์
ในวงการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนจะทราบกันดีว่า การเลือกซัพพลายเออร์ในการจัดส่งวัตถุดิบที่เชื่อถือได้และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นเป็นสิ่งท้าทายอย่างยิ่ง
การได้ซัพพลายเออร์ที่ดีและมีราคาที่น่าพอใจ
เป็นสิ่งที่ส่งผลถึงต้นทุนในการดำเนินธุรกิจในเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ข่าวดีคือในปัจจุบันเทคโนโลยี
AI และ Machine Learning มีชุดข้อมูลตามการดำเนินการจัดการคัดเลือกซัพพลายเออร์ให้คุณ
ซึ่งธุรกิจจะได้รับการคาดการณ์และประเมินที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
การวางแผนกำลังคน
การวางแผนกำลังคนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการจัดการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการต่างๆ เช่น การสรรหา การเก็บรักษา การพัฒนาพนักงาน
การปรับใช้งานใหม่ การจัดการประสิทธิภาพและอื่นๆ โซลูชันการเรียนรู้ AI และ Machine Learning สามารถลดความซับซ้อนได้อย่างมาก
และทำให้กลยุทธ์การวางแผนกำลังคนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้คุณจะได้ทีมที่มีความสุขมากขึ้น
นี่เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากพนักงานที่ชอบองค์กรและวิธีการทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้น
และด้วยทีมงานเช่นนี้ธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จมากขึ้น
คาดการณ์ความเสียหายของยานพาหนะล่วงหน้า
นอกจากการทำนายความต้องการของลูกค้าแล้ว AI และ machine learning ก็ยังมีบทบาทที่สำคัญในการทำนายความเสียหายของอุปกรณ์หรือยานพาหนะล่วงหน้า ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ในลักษณะของ predictive maintenance นั่นเอง
กรณีตัวอย่างที่หยิบยกมาเล่าสู่กันในที่นี้
แท้จริงยังมีอีกมากที่เทคโนโลยีในปัจจุบันนำมาตอบโจทย์ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบติดตามการขนส่งอัจฉริยะ
ที่ระบบจะส่งข้อมูลการขนส่งทุกขณะแบบเรียลไทม์
หรือระบบการประเมินความเสี่ยงภายในคลังสินค้าในทุกกรณี
เช่นว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจนำไปสู่ความเสียหายในด้านต่างๆ อาทิ
ความเสียหายจากทรัพย์สิน ความเสียหายของบุคลากร หรือความเสียหายในกระบวนการจัดส่ง
นี่จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมธุรกิจโลจิสติกส์ชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning
ให้เป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่งในการจัดการด้านโลจิสติกส์
แหล่งอ้างอิง :
